ชิงบริหารเงิน 3.7 หมื่นล้าน ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา เปิดศึกเลือกตั้งประธานฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 เมษายน ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา (สอค.นม.) องค์กรส่งเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของบุคลากรทางการศึกษามีจำนวนสมาชิกและทุนดำเนินการ 37,624 ล้านบาท หรือ 3.7 หมื่นล้าน ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาค โดยผลดำเนินการปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท 

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สอค.นม. โดยนายปรีชา กำพุฒกลาง อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 3 (สพป.นม.3 ) ในฐานะประธาน กกต.สอค.นม. พร้อมพวกได้เปิดรับสมัครการเลือกตั้งประธานและกรรมการดำเนินการชุดที่ 65 แทนตำแหน่งเดิมที่ครบวาระ

นายบุญธรรม เดชบุญ อดีตรองประธานกรรมการ สอค.นม.คนที่ 1 หัวหน้าทีมรักษ์สหกรณ์ยื่นหลักการสมัครในตำแหน่งประธานและพวกรวม 7 คน สมัครคณะกรรมการดำเนินการ ฯ จากนั้นบรรดาเพื่อนครูได้แสดงความยินดีกับกลุ่มผู้สมัคร ซึ่งได้หมายเลข 1-7 ซึ่งมีนายทอง วิริยะจารุ อดีตประธาน สอค.นม.หลายสมัยในฐานะประธานที่ปรึกษา สอค.นม. ได้ให้โอวาทพี่สอนน้องพร้อมเน้นกำชับให้ซื่อสัตย์ สุจริตและโปร่งใส จะสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เข้มแข็งมั่นคงและเป็นที่ยอมรับของมวลสมาชิก บรรยากาศวันแรกค่อนข้างชื่น เนื่องจากไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สมัครคู่แข่งแต่อย่างใด

นายบุญธรรม ผู้สมัครประธาน ฯ หมายเลข 1 อดีตครูผู้สอนและประธานสหพันธ์องค์กรวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ส.อ.ค.ฉ.) เปิดเผยว่า ทีมรักษ์สหกรณ์ได้สานต่อนโยบายของนายทอง ประธานที่ปรึกษา สอค.นม. ให้ความสำคัญต้องหาแนวทางช่วยเหลือมวลสมาชิกที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินสามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนเวลาและสามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน ครูโคราชต้องมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

นายปรีชา ประธาน กกต.สอค.นม. เปิดเผยมาตรการจัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ครบวาระในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า กำหนดวันหย่อนบัตรเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม นี้ จากจำนวนสมาชิกสามัญซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 25,964 คน ได้กระจายจุดลงคะแนนเลือกตั้งในพื้นที่ 32 อำเภอ รวม 76 จุด 

กำหนดในแต่ละจุดผู้ลงคะแนนไม่เกิน 300 คน พร้อมตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและควบคุมรักษาระยะทาง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพร้อมเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดและให้บริการเจลแอลกอฮอล์ให้ทั่วถึงรวมทั้งต้องสวมหน้ากากผ้าทุกคน โดยกำหนดเหลื่อมเวลาการใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นช่วงเช้าและบ่าย เพื่อลดความแออัดและความสะดวก รวดเร็ว