โควิด-19 เหตุผลไทยเสียชีวิตติดท็อป 10 โลก ถอดบทเรียนจากหมู่เกาะแฟโร

โควิด-19 เหตุผลไทยเสียชีวิตติดท็อป 10 โลก ถอดบทเรียนจากหมู่เกาะแฟโร

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) ประเด็น "โควิด-19" โดยเฉพาะ โควิดสายพันธุ์โอมิครอน เหตุผลไทยเสียชีวิตติดท็อป 10 โลก ถอดบทเรียนจากหมู่เกาะแฟโร

(6 เมษายน 2565) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ประเด็น "โควิด-19" โดยเฉพาะ โควิดสายพันธุ์โอมิครอน เผยเหตุผลไทยเสียชีวิตติดท็อป 10 ของโลก พร้อมยกบทเรียนจากหมู่เกาะแฟโรด้วยนั้น

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ผลวิจัยอิสราเอล ไฟเซอร์เข็ม 4 ป้องกันผู้สูงอายุติดโควิดได้แต่ภูมิลดเร็ว

- อัปเดต "โควิดวันนี้" 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม. 3,164 จับตา ชลบุรี ปากน้ำ นนทบุรี

- 6 เมษายน 2565 "ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อ" เปิด Walk in ฉีดวัคซีนโควิด วันสุดท้าย

 

โพสต์ของ หมอธีระ ระบุถึง สถานการณ์โควิด-19 ว่า (6 เมษายน 2565) ทะลุ 493 ล้าน เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 1,218,635 คน ตายเพิ่ม 3,382 คน รวมแล้วติดไปรวม 493,743,100 คน เสียชีวิตรวม 6,182,672 คน 

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ

  1. เกาหลีใต้
  2. ฝรั่งเศส
  3. เยอรมัน
  4. อิตาลี
  5. ออสเตรเลีย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก

 

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 88.25 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 75.81

 

การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 36.07 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 22.05

 

สถานการณ์ระบาดของไทย

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่รวม ATK สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก

 

บทเรียนจากหมู่เกาะแฟโร

หากจำกันได้ ต้นเดือนธันวาคม 2564 มีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่หมู่เกาะแฟโร เกิดขึ้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่มารวมตัวกันแบบส่วนตัว (private gathering) จำนวน 33 คน พบว่า เกิดการติดเชื้อโรคโควิด-19 กันมากถึง 21 คนหรือ 64% ทั้งนี้ ทุกคนที่ติดเชื้อล้วนมีอาการป่วย แต่ไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยมีการตรวจสอบสายพันธุ์ไวรัสพบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ถึง 13 คน

 

 

ที่สำคัญคือ ทุกคนได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาเรียบร้อยแล้ว (fully vaccinated and boosted) และได้มีการตรวจคัดกรองโรค 36 ชั่วโมงก่อนจะมาเจอกัน เหตุการณ์ข้างต้นนำไปสู่การสอบสวนโรคและกักตัวคนที่สัมผัสใกล้ชิดรวม 70 คนในเวลาต่อมา

 

เรื่องที่เล่ามานั้น สะท้อนความจริงที่เราเห็นในสถานการณ์ปัจจุบันคือ ฉีดวัคซีนครบแล้ว ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว ก็ยังติดเชื้อได้ และแม้จะตรวจคัดกรองมาก่อน ก็อาจตรวจไม่พบเพราะคนใดคนหนึ่งอาจเพิ่งรับเชื้อมา ยังอยู่ในช่วงระยะเวลาฟักตัวของโรค หรืออาจติดเชื้ออยู่ แต่ปริมาณเชื้อยังไม่มากพอที่จะตรวจพบจากวิธีตรวจคัดกรองที่ใช้ และยังไม่มีอาการให้เห็น

 

บทเรียนจากหมู่เกาะแฟโรนั้น หากทั่วโลกรวมถึงไทยเราได้ติดตามรายละเอียดและนำมาใช้วางแผนรับมือ อาจทำให้ลดผลกระทบ ไม่ให้เกิดการติดเชื้อมาก และมีป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นดังที่กำลังประสบอยู่ขณะนี้ เพราะสะท้อนให้เห็นว่า

 

1.วัคซีนน่าจะเป็นอาวุธเพื่อใช้หวังผลในแง่ลดความเสี่ยงในการป่วยรุนแรงและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต แต่ยากที่จะหวังผลหลักในการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการป่วย

ยิ่งหากสัดส่วนของประชากรในประเทศ ยังได้วัคซีนเข็มกระตุ้นน้อย ก็ยิ่งต้องระวังมาก ไม่ผลีผลามกระโจนตามประเทศอื่นที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมมากกว่า เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมา ผลกระทบจะเกิดขึ้นมากและยาวนาน

 

2.ยุทธวิธีหลักในการควบคุมการระบาดของ Omicron ที่ควรทำคือ การเน้นย้ำเรื่องการป้องกันการติดเชื้อแพร่เชื้อ ลดพฤติกรรมเสี่ยง ให้แก่ประชาชนทุกคนในประเทศ ไม่ใช่สร้างภาพฝันที่เป็นไปไม่ได้ในเวลาอันสั้น เช่น วางแผนการถอดหน้ากาก หรือโปรโมทว่าจะเสรีการใช้ชีวิตโดยปราศจากการป้องกัน จะเฮโลสาระพาประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น ทั้งๆที่องค์ประกอบต่างๆไม่มีทางเป็นไปได้ในเวลาไม่กี่เดือน

เหนืออื่นใด ปัญหาที่ทั่วโลกให้ความสำคัญมากคือ ผลกระทบระยะยาวที่เกิดขึ้นได้หลังการติดเชื้อโรคโควิด-19 คือ Long COVID ที่จะทำให้ประชากรจำนวนมากในประเทศตกอยู่ในภาวะที่บั่นทอนสมรรถนะในการดำรงชีวิตประจำวันและการทำงาน รวมถึงทำให้เกิดปัญหาโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมาในระยะยาว

 

หัวใจสำคัญของการประคับประคองให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยในสถานการณ์ระบาดระยะยาวนั้นคือ การนำเสนอสถานการณ์จริงให้คนในสังคมรู้เท่าทัน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ทำให้เกิดข้อกังขา , การจัดหายาและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีปริมาณเพียงพอ เป็นที่ยอมรับและเป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์สากล, การจัดระบบบริการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพเพื่อรองรับปัญหาปัจจุบัน (COVID-19) และอนาคต (Long COVID) อย่างครอบคลุม ทั่วถึง เข้าถึงได้ง่าย และมีความเพียงพอ

 

และที่สำคัญที่สุดคือ การกระตุ้นเตือนให้คนในสังคมทราบความจริงว่า การป้องกันตัวระหว่างดำเนินชีวิตประจำวัน เรียน ทำงาน ค้าขาย พบปะสังสรรค์ต่างๆ นั้นยังจำเป็นต้องทำไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าการระบาดของโลกนั้นจะดีขึ้น โดยยากที่จะกำหนดเงื่อนเวลาแบบฟันธงได้ในเร็ววัน ไม่ล่อด้วยกิเลส แต่ยืนบนพื้นฐานความจริง นี่คือสิ่งที่จะทำให้เรารอดชีวิตท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ

 

CR เฟซบุ๊ก หมอธีระ