สุภัทรา รามสูต แม่ทัพหญิงคนใหม่แห่ง อีตั้น อิเล็คทริค (Eaton)
สุภัทรา รามสูต แม่ทัพหญิงคนใหม่แห่ง อีตั้น อิเล็คทริค (Eaton) ลุยตลาดพลังงานไฟฟ้า มุ่งขยายกลุ่มลูกค้า สร้างการรับรู้ให้แบรนด์อย่างต่อเนื่อง และการทำธุรกิจแบบยั่งยืน
บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (Eaton) เป็นบริษัทจัดการพลังงานอัจฉริยะที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตและปกป้องสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้คนทุกที่ อีตั้นมีแนวทางที่มาจากความมุ่งมั่นของเราที่จะทำธุรกิจอย่างถูกต้อง เพื่อดำเนินการอย่างยั่งยืน และช่วยลูกค้าของเราในการจัดการพลังงาน ─ ทั้งวันนี้และอนาคต ด้วยการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตทั่วโลกของการใช้พลังงานไฟฟ้าและระบบดิจิทัล เรากำลังเร่งการเปลี่ยนผ่านของโลกไปสู่พลังงานหมุนเวียน ช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านการจัดการพลังงาน โดยอีตั้นให้บริการลูกค้าในกว่า 175 ประเทศทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย
คุณสุภัทรา รามสูต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (EATON) ได้เปิดเผยว่า “สำหรับตลาดพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ถือว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงขึ้นทุกปี ส่วนหนึ่งจากการเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้ชีวิตของผู้คนในช่วงโรคระบาดที่พึ่งพิงเทคโนโลยีต่างๆมากขึ้นแบบก้าวกระโดดทำให้เราเข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารและการจัดเก็บข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ การขยายตัวของความต้องการในการใช้พลังงานจึงสูงขึ้นไปด้วย
สำหรับแผนการตลาดของอีตั้นในปีนี้นั้น เราได้มุ่งเน้นในด้านของการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง และโฟกัสในการทำธุรกิจแบบยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ Eaton ในตลาด ใช้วิธีสื่อสารแบรนด์ผ่านทางพาร์ทเนอร์ของเรา และให้พารท์เนอร์มีการส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้า โดยอาศัยวิธีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพาร์ทเนอร์อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงบริการหลังการขาย เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจส่งต่อไปยังกลุ่มลูกค้า และความชัดเจนของตัวผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้เราก็ยังได้มีการติดตามรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงมาตรฐานการทำงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป อีกทั้งในขณะนี้เรายังคงมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆที่จะช่วยเติมเต็มในตลาดกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ หรือ กลุ่มสินค้าบางกลุ่มเพิ่มเติม ซึ่งหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกพาร์ทเนอร์ของเรานั้นยังคงค่อยเป็นค่อยไป ลองพูดคุยแผนงานและค่อยๆทำธุรกิจร่วมกันพร้อมมีการประเมินการทำงานร่วมกันระหว่างอีตั้นและพาร์ทเนอร์เป็นระยะๆ เพื่อการปรับเปลี่ยนให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ในส่วนการเติบโตของยอดขายของอีตั้น เราดูการเติบโตแบบปีต่อปี ซึ่งเราใช้เกณฑ์ของ GDP ของประเทศมาเป็นเกณฑ์ในการวัดความเติบโต ซึ่งเราสามารถเติบโตได้เกินตามเป้าทุกปี เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งโซลูชั่นสำหรับปีนี้เราชูเรื่อง Data Management ในการทำงานเพราะเรามองว่าในขณะนี้เรื่องของดาต้า กำลังมาแรงมากและกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เราจึงอยากโฟกัสกลุ่มตลาดตรงนี้อย่างจริงจัง โดยเราได้คาดการณ์ว่า การเติบโตของ Data Management ในปีนี้เพิ่มขึ้นจะประมาณ 20% แผนธุรกิจของเราจึงจะต้องเติบโตในส่วนนี้ไปในแนวเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีการเจาะตลาดเพิ่มเติมด้าน Energy Storage เพราะตลาดทั่วโลกกำลังตื่นตัวทางด้านนี้มาก ทั้งนี้เพราะเรามุ่งหวังที่จะเป็นอีกหนึ่งโซลูชั่น โพรไวเดอร์ ในการที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา รวมไปถึงซัพพอร์ตพาร์ทเนอร์ให้เติบโตพร้อมไปกับเราอีกด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เรามุ่งหวังเป็นแผนระยะยาว เพื่อความต่อเนื่องและเพื่อเป็นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับ Eaton นั้นเราโพกัสตลาดออฟไลน์ มากกว่า ออนไลน์ สำหรับในช่วงปีนี้เพราะว่าสินค้าในประเภทอุตสาหกรรมนั้นส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะต้องการทดสอบประสิทธิภาพแบบสัมผัสได้จริงมากกว่า จึงจำเป็นต้องให้มีการได้ทดลองของจริงมากกว่าสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ได้มีการทำตลาดออนไลน์ควบคู่กันไปด้วยเพราะยังไงในอนาคตการทำงานด้านออนไลน์ต้องมีเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
นอกจากนี้ทางอีตั้น ได้มีการโฟกัสอย่างจริงจังในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เราสนับสนุนภาครัฐและต้องการผลักดันในเรื่องนี้เพื่อให้มีการตื่นตัวทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และทางตัวอีตั้นเองในเรื่องของการผลิตสินค้าเองนั้น เราก็ได้มีการตระหนักถึงเรื่องนี้โดยเรามีนโยบายควบคุมทางด้านมลพิษ และการผลิตสินค้าที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักที่ทางอีตั้นได้ดำเนินการมาโดยตลอดและต้องการที่จะผลักดันให้เกิดผลอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยด้วยเช่นกัน” คุณสภัทรากล่าวทิ้งท้าย