'การเกษตรเชิงฟื้นฟู' จุดเริ่มต้น 'เนสกาแฟ' ที่มาพร้อมความยั่งยืน
ถอดบทเรียนความสำเร็จ โครงการ "เนสกาแฟ แพลน 2030" โมเดลด้านความยั่งยืนระดับโลกที่ "เนสกาแฟ" ได้ริเริ่มและมุ่งส่งเสริม "การเกษตรเชิงฟื้นฟู" ในสวนกาแฟ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่เพียงแต่ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น เกิดสภาพอากาศที่แปรปรวน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้ง หรือน้ำแข็งขั้วโลกละลาย แต่ยังเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด เพราะอาหารต่างๆ ที่มนุษย์เคยรับประทานอาจลดลงหรือไม่มีอีกต่อไป
เช่นเดียวกับ "กาแฟ" เครื่องดื่มยอดนิยมที่เชื่อว่า คนรักกาแฟส่วนใหญ่ดื่มไม่น้อยกว่าวันละแก้ว ก็อาจมีให้ดื่มได้น้อยลง เพราะหากไม่สามารถลดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ภาวะโลกร้อน อาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรที่เป็นต้นทางการผลิตอาหารของโลก และเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการขาดแคลนอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย
จากข้างต้น นำมาสู่เรื่องราวการปลูกกาแฟอย่างไรให้ยั่งยืน ผ่านการถอดบทเรียนจากความสำเร็จของโครงการ "เนสกาแฟ แพลน 2030" โมเดลด้านความยั่งยืนระดับโลกที่เนสกาแฟได้ริเริ่มและมุ่งส่งเสริม "การเกษตรเชิงฟื้นฟู" ในสวนกาแฟ ซึ่งนอกจากช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้ เนสท์เล่ มุ่งสู่เป้าหมาย "ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050"
การเกษตรเชิงฟื้นฟู คือหัวใจของ "เนสกาแฟ แพลน 2030"
หัวใจหลักของโครงการ "เนสกาแฟ แพลน 2030" คือการทำ "การเกษตรเชิงฟื้นฟู" หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Regenerative Agriculture ซึ่งก็คือการทำเกษตรแนวใหม่ในการปลูกกาแฟควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพดี พร้อมสร้างความยั่งยืนให้วงการกาแฟไทย
การเกษตรเชิงฟื้นฟูในสวนกาแฟ มุ่งเน้นปกป้อง ทดแทน และฟื้นฟู
เบื้องหลังกาแฟคุณภาพของ เนสกาแฟ ที่ส่งให้ผู้บริโภคคือ ความทุ่มเทของเกษตรกรที่ปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนตามหลัก "การเกษตรเชิงฟื้นฟู" ที่มุ่งเน้นการปกป้อง รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ เช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชคลุมดิน เพื่อรักษาธาตุอาหารในดิน เพิ่มความสมบูรณ์ของดิน และป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการใช้ ปุ๋ยอินทรีย์ ทดแทนปุ๋ยเคมี โดยใช้เศษวัสดุเหลือทิ้งในฟาร์ม และสุดท้ายคือ การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศในการเพาะปลูกกาแฟ ผ่านการปลูกพืชหลากหลายชนิดในสวนกาแฟ หรือปลูกกาแฟร่วมกับป่า ซึ่งช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนฯ ได้อีกด้วย
ความสำเร็จจากการทำงานเคียงข้างเกษตรกร สู่เมล็ดกาแฟคุณภาพ ได้มาตรฐานการปลูกยั่งยืนระดับโลก
เนสกาแฟ ได้ทุ่มเททำงานเคียงข้างเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในประเทศไทยมาหลายทศวรรษ เพื่อส่งเสริม การเกษตรเชิงฟื้นฟู ภายใต้โครงการ "เนสกาแฟ แพลน 2030" และประสบความสำเร็จร่วมกันในการพัฒนาโมเดลการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล โดยให้ความรู้และฝึกอบรมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 40 ปี ตั้งแต่การปลูก ดูแล จนถึงเก็บเกี่ยว รวมถึงอบรมการเป็นผู้ประกอบการสวนกาแฟ ตลอดจนช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน 4C (Common Code for the Coffee Community) ในระดับสากลกว่า 2,900 คน และสหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟ 4 แห่ง พร้อมทั้งกระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีกว่า 4 ล้านต้น ให้แก่เกษตรกรไทย ซึ่งเป็นต้นกาแฟโรบัสต้าพันธุ์ดีที่มีความทนทานต่อโรคและความเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพอากาศ สามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น และที่สำคัญคือ เมล็ดกาแฟทุกเมล็ดที่เนสกาแฟรับซื้อมาจากเกษตรกรไทย ได้รับการรับรองมาตรฐาน 4C 100%
ด้วยเหตุนี้ เนสกาแฟ จึงมอบกาแฟคุณภาพดีในทุกๆ แก้วให้กับผู้บริโภค ควบคู่กับการดูแลใส่ใจทั้งเกษตรกรและโลก ผ่านการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืนด้วย การเกษตรเชิงฟื้นฟู เพื่อให้เกษตรกรไทยมีผลผลิตที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมดูแลฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน