นโยบายกลุ่ม OPEC+ คลุมเครือ ปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมันดิบ

นโยบายกลุ่ม OPEC+ คลุมเครือ ปัจจัยเสี่ยงราคาน้ำมันดิบ

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังมีความคลุมเครือจากท่าทีของกลุ่ม OPEC+ หลังผลการประชุมเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ข้อสรุปถึงการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 อย่างไร ต้องติดตาม

สถานการณ์ ราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลกยังมีความคลุมเครือจากท่าทีของกลุ่ม OPEC+ หลังจากผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าจะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมสิ้นสุดสิ้นปี 2567 ไปเป็นสิ้นปี 2568 และในส่วนปริมาณน้ำมันดิบที่สมาชิกกลุ่ม OPEC+ รวม 8 ประเทศ อาสาสมัครลดกำลังการผลิตเพิ่มอีก 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตออกไปถึงปลายเดือน ก.ย.นี้

ผลการประชุมที่คลุมเครือทำให้นักลงทุนตีความว่า OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่เดือน ต.ค.67 ส่งผลให้ราคาสัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย.67 ลดลงมาต่ำกว่า 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังมีประเด็นที่ต้องจับตา เมื่อซาอุดีอาระเบีย ผู้ผลิตรายใหญ่สุดของ OPEC+ ชี้แจงว่า ที่สมาชิกหลายประเทศอาสาสมัครลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะสิ้นสุดปลายเดือน ก.ย.67 นั้น อาจขยายเวลาถ้าสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบยังไม่ฟื้นตามที่คาดการณ์

ปัจจัยดังกล่าว ทำให้มีการประเมินว่า เดือน ก.ค. - ส.ค.67 ราคาน้ำมันดิบ ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นและเคลื่อนไหวในช่วง 80-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปัจจัยที่ความต้องการใช้น้ำมันตึงตัวจากการที่กลุ่ม OPEC+ ยังควบคุมกำลังผลิต ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจากเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันตก

ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานเมื่อเดอน มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นการปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั้งปี 67 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 103.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการใช้น้ำมันภาคบริการที่เพิ่มขึ้นในจีนและยุโรปและคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาส 3 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะที่ภูมิภาคตะวันตกแต่ยังมีบางปัจจัยที่อาจเข้ามาเป็นตัวแปรต่อราคาน้ำมัน 

โดยช่วงเดือน มิ.ย. - พ.ย.67 เป็นฤดูมรสุมบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกของสหรัฐต้องจับตาความรุนแรงและทิศทางพายุจะกระทบความต้องการใช้น้ำมัน หรือแหล่งผลิตน้ำมันมากกว่ากัน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยอาจทำให้ ราคาน้ำมันดิบ ปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปี 2567