'ปุ๋ยตรากระต่าย' เผยกลยุทธ์เคียงข้างเกษตรกรไทย ส่งมอบปุ๋ยคุณภาพครบสูตร
"ปุ๋ยตรากระต่าย" เผยกลยุทธ์เคียงข้างเกษตรกรไทย ส่งมอบปุ๋ยคุณภาพครบสูตร เพื่อการเติบโตที่ดี ส่งเสริมความมั่นคงอย่างแข็งแกร่งให้กับร้านค้า และวงการเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
วิโรจน์ เตือนวีระเดช รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจปุ๋ย บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ปุ๋ยตรากระต่าย สร้างความเชื่อมั่นด้วยความซื่อสัตย์ ผ่านการส่งมอบปุ๋ยตรากระต่ายที่มีธาตุอาหารครบสูตร ซึ่งช่วยให้เกษตรกรเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตคุ้มค่า จึงบอกต่อและส่งต่อความไว้วางใจ ส่งผลให้เป็นที่หนึ่งในใจ เกษตรกร ได้
หลายคนคงคุ้นตากับภาพยนตร์โฆษณาที่มีสัญลักษณ์โดดเด่นด้วยคาแรกเตอร์กระต่าย ที่มาพร้อมพืชผลอุดมสมบูรณ์ และไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยกระต่ายก็เป็นตัวชูโรงในเรื่องราวเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องการสื่อถึงการเติบโตไปด้วยกันของปุ๋ยตรากระต่ายที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน และส่งต่อความเชื่อมั่นมากว่า 60 ปี
"ปุ๋ยตรากระต่าย" โดย บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมการเกษตรของไทย เป็นแบรนด์ปุ๋ยคุณภาพในกลุ่มตลาดปุ๋ยเคมีของไทย และยังครองใจเกษตรกรรู้จริง
วิโรจน์ กล่าวถึงความท้าทายในการนำทีมธุรกิจเพื่อรักษาความเป็นอันดับหนึ่งพร้อมๆ กับการไม่หยุดนิ่งพัฒนาตนเอง ได้อธิบายถึงการทำงานในแบบฉบับของ ปุ๋ยตรากระต่าย ไว้ว่า หัวใจหลักในการได้มาซึ่งความเชื่อมั่น หรือ Brand Loyalty ที่มีฐานแฟนที่เหนียวแน่นมั่นคงนั้น ปุ๋ยตรากระต่ายได้ยึดถือความซื่อสัตย์เป็นรากฐาน เริ่มตั้งแต่ซื่อสัตย์ต่อสินค้าคุณภาพ โดยปุ๋ยตรากระต่ายได้เสาะหาวัตถุดิบจากแหล่งผลิตชั้นนำที่ได้มาตรฐานจากทั่วโลก ก่อนนำมาผ่านกระบวนการวิเคราะห์และทดสอบ ทำให้สามารถส่งมอบสินค้าปุ๋ยเคมีคุณภาพสูง เม็ดปุ๋ยบริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน ทุกเม็ดมีแร่ธาตุอาหารครบสูตร ตรงตามสโลแกนในปัจจุบันที่ว่า คุณภาพครบสูตร ผลผลิตคุ้มค่า และที่สำคัญได้ผ่านการรับรองระบบบริหารจัดการคลังสินค้า ISO9001 : 2015 ซึ่งตอกย้ำถึงจุดยืนในการเป็นผู้นำตลาดปุ๋ยเคมี ส่งมอบสูตรปุ๋ยที่ครบครันสำหรับการเพาะปลูกทั้ง 3 กลุ่มพืช ได้แก่ นาข้าว พืชไร่ พืชสวน
นอกจากนี้ ปุ๋ยตรากระต่ายยังยึดกลยุทธ์การสร้างพันธมิตรเป็นสำคัญ เพื่อต่อยอดธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับห่วงโซ่คุณค่าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเสาะหาวัตถุดิบปุ๋ยคุณภาพ การขนส่ง การบรรจุ การกระจายสินค้า จนถึงการส่งมอบถึงมือเกษตรกร เห็นได้จากการทุ่มเททำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ และรายย่อย รวมถึงเกษตรกร
"ธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่สำคัญที่เราฝ่ายเดียว แต่ร้านค้า และเกษตรกร ก็มีความสำคัญด้วย เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และให้ความสำคัญกับคุณภาพของปุ๋ยทุกเม็ด เพื่อที่เราจะเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งสิ่งที่เราทำนั้นไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะธุรกิจของเราเพียงอย่างเดียว แต่ส่งเสริมความมั่นคงและยั่งยืนให้กับร้านค้าด้วย เช่น New Gen Dealer Project โครงการที่เสริมศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้กับตัวแทนจำหน่ายรุ่นใหม่ในการรับช่วงต่อทางธุรกิจ หรือการที่เราปรับตัวตามยุคสมัยด้วยการนำระบบสั่งสินค้า e-Ordering มาใช้งาน รวมถึงระบบการรับสินค้า Truck Queue ที่คลังสินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า สั่งของง่าย รวดเร็ว รับของทันใจ" วิโรจน์ กล่าว
สำหรับการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่าง เกษตรกร ปุ๋ยตรากระต่าย เน้นการสื่อสารที่ตรงประเด็น เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์และเข้าใจถึงความต้องการ ผนวกกับการเลือกใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับการเผยแพร่เทคนิคเคล็ดลับการเพาะปลูกต่างๆ ผ่านบทความ และคลิปวิดีโอที่เข้าใจง่าย จึงทำให้ปุ๋ยตรากระต่ายเสมือนเป็นคลังความรู้ด้านการเกษตรที่เกษตรกรสามารถศึกษาและนำไปปรับใช้กับแปลงเกษตรของตนเองได้
ปัจจุบัน บทบาทของปุ๋ยตรากระต่ายเป็นมากกว่าปัจจัยการผลิตคุณภาพสูงที่เกษตรกรไว้วางใจ แต่ยังเป็นโซลูชัน โพรไวเดอร์ ให้กับวงการเกษตรไทย เพราะความไม่หยุดนิ่งที่จะเสาะหาสูตรปุ๋ยคุณภาพใหม่ๆ ให้ครอบคลุมการใช้งานสำหรับทุกกลุ่มเกษตรกร รวมไปถึงการผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจอื่นภายใต้ เจียไต๋ อาทิ โดรนการเกษตรและผลิตภัณฑ์อารักขาพืชเพื่อนำเสนอโซลูชันต่างๆ เช่น โซลูชันนาข้าว ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าวที่ชาวนามั่นใจ อีกทั้ง ปุ๋ยตรากระต่ายมีคุณสมบัติที่สามารถใช้ร่วมกับโดรนการเกษตรได้อย่างดี ซึ่งช่วยให้การหว่านปุ๋ยมีความแม่นยำ ประหยัดเวลา และแรงงาน
การปรับตัวตามยุคสมัย การให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการทำงานบนความซื่อสัตย์ ล้วนเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ ปุ๋ยตรากระต่าย เป็นแบรนด์ปุ๋ยที่ติดตลาดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังสามารถครองใจ เกษตรกรไทย เสริมสร้างความมั่นคงให้วงการเกษตรได้อย่างยั่งยืน