AIS ร่วมกับสถาบัน USC Annenberg เปิดผลการศึกษา Thai Creator Culture
AIS ทำงานร่วมกับ สถาบัน USC Annenberg โดย ศาสตราจารย์เดวิด เครค เปิดผลการศึกษา Thai Creator Culture ตอกย้ำศักยภาพดิจิทัล ช่วยขับเคลื่อนวงการครีเอเตอร์ หนึ่งในรากฐานดันเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโต
เมื่อภาคการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญในการส่งต่อองค์ความรู้เพื่อที่จะสนับสนุนความแข็งแรงของ Digital Ecosystem ในโลกใหม่ ดังนั้นเมื่อสถาบัน USC Annenberg School for Communication and Journalism สถาบันการศึกษาภายใต้ University of Southern California (USC) มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์และการวิจัยเชิงลึกในอุตสาหกรรมสื่อ โดย ศาสตราจารย์เดวิด เครค นักวิชาการด้านโซเชียลระดับโลก ซึ่งได้รับทุนวิจัยด้านวิชาการระดับโลกจากมูลนิธิฟูลไบรท์ (Fulbright scholar) ได้พัฒนาโครงการวิจัย Thai Creator Culture ที่เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยวัฒนธรรมครีเอเตอร์ท้องถิ่นแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง เพื่อศึกษาวิธีที่เหล่าครีเอเตอร์ในโซนนี้ รับมือการแข่งขันกับครีเอเตอร์ในซีกโลกอีกด้าน อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา ศาลาทอง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเสฎฐวุฒิ ยุทธาวรกูล นักศึกษาปริญญาเอก สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ประเทศไทย (AIT)
โครงการวิจัยดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และรองประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ซึ่งยังดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาของ USC Annenberg Board of Councilors นายสารัชถ์ ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายในอุตสาหกรรมและการผลักดันนวัตกรรมด้านการศึกษา เพื่อให้การศึกษาด้านการสื่อสารและสื่อมีความทันสมัย สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การร่วมมือในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับการที่วัฒนธรรมครีเอเตอร์จะกำหนดอนาคตและทิศทางของเศรษฐกิจและสังคมโลกในอนาคตได้อย่างไร
เมื่อครีเอเตอร์มีบทบาทสำคัญมากขึ้น การศึกษาเพื่อทำความเข้าใจลักษณะของครีเอเตอร์จะช่วยให้เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถสนับสนุนพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงเชื่อมโยงกับระบบนิเวศอื่นๆ อย่างมุ่งมั่นเพื่อยกระดับการทำงานและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมสื่อและครีเอเตอร์ จึงเป็นที่มาของการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเวทีเสวนา Global Creator Culture Summit ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่องานวิจัย
ศาสตราจารย์เดวิด เครค กล่าวว่า สิ่งที่เราพบคือ ครีเอเตอร์ ในปัจจุบันเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก พวกเขามีศักยภาพเป็นได้ทั้ง "แบรนด์" ด้วยตัวเอง เป็นผู้สร้างชุมชนออนไลน์ สร้างรายได้แบบ O2O (Online-to-Offline) จากพื้นที่ของตนเอง แพลตฟอร์ม และช่องทางอื่นๆ และยังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับอุตสาหกรรมโดยรอบ เช่น การผลักดันการพัฒนาบริการและฟีเจอร์ต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือ จนกลายเป็นศูนย์กลางการสร้างรายได้ของระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การทำงานวิจัยในครั้งนี้จึงช่วยให้เราสามารถกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจและสังคมโลกในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน
ผลการศึกษา Thai Creator Culture พบว่า วันนี้วงการครีเอเตอร์ของไทยได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้
- Commerce Creators หรือครีเอเตอร์นักขาย กลุ่มที่ผสมผสานการโปรโมตสินค้า การรีวิว และการขายของให้เข้ากับเนื้อหาที่แต่ละคนวางไว้ โดยใช้ความมีอิทธิพลของตนในการกระตุ้นการซื้อและสร้างรายได้ผ่านการตลาดแบบเป็นพันธมิตร ผู้สนับสนุน และการขายตรง นับรวมถึงผู้เชี่ยวชาญต่างๆ /KOLs หรือผู้ขายผ่านไลฟ์สด
- Socio-Cultural Creators หรือครีเอเตอร์ด้านสังคมและวัฒนธรรม คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์สะท้อนถึงปัญหาสังคมและวัฒนธรรม มุ่งเน้นที่ประเด็นต่างๆ เช่น อัตลักษณ์ ชุมชน และวัฒนธรรมท้องถิ่น เนื้อหาของพวกเขามักจะมุ่งสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมในการอภิปรายเกี่ยวกับค่านิยมและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
- Multicultural and Diversity Creators หรือครีเอเตอร์ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและทางเพศ มุ่งเน้นการเผยแพร่ที่มาของวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และประสบการณ์ต่างๆ ที่มีความหลากหลาย มีการเน้นย้ำถึงประเด็นเชื้อชาติบ่อยครั้ง รวมถึงเรื่องเพศและในด้านอื่นๆ เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียม เช่น ครีเอเตอร์กลุ่ม Queer หรือผู้สร้างสรรค์ที่นำเสนอเรื่องราวท้องถิ่นหรือความเชื่อทางศาสนา
- Nomad Creators ครีเอเตอร์สายท่องเที่ยว เป็นผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งและมักทำงานจากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยผลิตเนื้อหาคอนเทนต์จากประสบการณ์การท่องเที่ยว รวมถึงวัฒนธรรมที่พวกเขาพบเจอ หรือแม้แต่กลุ่ม "ครีเอเตอร์จากชนบท" มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่นและผลักดันผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นไปสู่ระดับประเทศและต่างประเทศ อาจเป็นตลาดที่สามารถเติบโตต่อไปได้มากขึ้นในระดับสากลและนำไปสู่รายได้ของวัฒนธรรมครีเอเตอร์
นอกเหนือจากผลการศึกษาที่สร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และ Creator ของประเทศแล้ว การทำงานร่วมกันครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลกที่จะนำมาสู่การพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในสร้างประโยชน์ที่มีดิจิทัลเป็นรากฐานแก่ประเทศ อันจะนำมาซึ่งการเป็นฟันเฟืองสำคัญต่อการสร้างแรงส่งให้ระบบ เศรษฐกิจดิจิทัล ของประเทศสามารถแข่งขันได้ในตลาดระดับโลกด้วยเช่นกัน