กรมชลฯ คุมเข้มแผนจัดสรรน้ำเมืองโคราช หลังสิ้นสุดฝน น้ำไหลเข้าอ่างฯ น้อยกว่าเกณฑ์
สำนักงานชลประทานที่ 8 คุมเข้มแผนจัดสรรน้ำเมืองโคราช หลังสิ้นสุดฝน น้ำไหลเข้าอ่างฯ น้อยกว่าเกณฑ์ เพื่อให้มีปริมาณน้ำมีเพียงพอ สามารถใช้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่จังหวัดนครราชสีมา หลังสิ้นสุดการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2567 พบว่าภาพรวมปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนน้อยกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องวางแผนจัดสรรน้ำอย่างรอบคอบและรัดกุม
ปัจจุบัน (7 พฤศจิกายน 2567) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สำนักงานชลประทานที่ 8 ในเขตพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา มีน้ำต้นทุนอยู่ประมาณ 634 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 52% ของความจุอ่างรวมกัน โดยอ่างเก็บน้ำหลักที่ใช้ในการสนับสนุนทุกกิจกรรมการใช้น้ำอย่างอ่างเก็บน้ำลำตะคอง มีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 106 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียง 33% ของความจุอ่าง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 93 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 60% ของความจุอ่าง อ่างเก็บน้ำมูลบน มีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 84 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 59% ของความจุอ่าง ขณะที่อ่างเก็บน้ำลำแชะ มีน้ำอยู่ 154 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 56% ของความจุอ่าง
ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 8 ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2567/2568 รวมทุกกิจกรรมการใช้น้ำ จะอยู่ที่ประมาณ 229 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะจัดสรรตามลำดับความสำคัญของการใช้น้ำ ประกอบด้วย การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การเกษตร และการอุตสาหกรรม
ในส่วนของแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขต จังหวัดนครราชสีมา ในปีนี้ ได้จัดสรรน้ำสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งสิ้น 37,373 ไร่ ตามศักยภาพน้ำต้นทุนในแต่ละพื้นที่ ประกอบไปด้วย ข้าวนาปรัง พืชไร่ พืชผัก ผลไม้ และไม้ยืนต้น รวมทั้งยังได้สนับสนุนการทำบ่อปลาและบ่อกุ้งด้วย
ทั้งนี้ การจัดสรรน้ำดังกล่าว สำนักงานชลประทานที่ 8 ได้ดำเนินการตามมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี2567/2568 ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัดและจัดสรรน้ำอย่างประณีต เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้เป็นไปตามแผนที่วางไว้และหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม อ่างเก็บน้ำ บางแห่งที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเฝ้าระวังและไม่เพียงพอต่อการสนับสนุนการทำนาปรัง ต้องขอความร่วมมือให้เกษตรกร งดการปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่บางส่วน เพื่อสงวนน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะขาดน้ำและได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง