ย้อนรอยคดีฆาตกรรม'เอกยุทธ'
ย้อนรอยคดีฆาตกรรม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ที่ต่อต้าน"พ.ต.ท. ทักษิณ"
ญาติของนาย เอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ที่ต่อต้าน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและเป็น คนที่ออกมาเปิดเผย กรณี ที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาของทางราชการ เดินทางไปโรงแรมโฟร์ซีซั่น หรือที่เรียกชื่อย่อว่า "ว.5 โฟร์ซีชั่น" ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม ว่านายเอกยุทธได้หายตัวไปตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 6 มิ.ย.2556 หลังจากนายเอกยุทธโทรศัพท์ติดต่อพี่สาวให้นำเช็คเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทไปให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งนายเอกยุทธไม่ได้มาเองแต่เป็นคนขับรถมารับแทน แต่มีข้อพิรุธคือการเขียนเช็คเงินสด ที่นายเอกยุทธลงชื่อปี พ.ศ ผิดจาก 2556 เป็น 2553 ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเบาะแสความผิดปกติแต่ทุกคนไม่สงสัย ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อนายเอกยุทธได้อีกเลย
หลังแจ้งความตำรวจและญาติตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบริษัท ย่านทาวอินทาวน์ ซึ่งเป็นที่พักของเอกยุทธด้วย แต่พบว่าระบบเซิฟเวอร์ของกล้องวงจรปิด ถูกถอดออกไป และภาพสุดท้ายได้กล้องจับภาพได้คือรถโฟล์กตู้ สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม.ซึ่งเป็นรถของนายเอกยุทธขับมุ่งหน้าไปยังร้านครัวกระแต ย่านประดิพัทธ์ มานั่งกินข้าวพร้อมคนขับรถและออกไป
วันที่ 10 มิ.ย. ตำรวจพบเบาะแสรถโฟล์กตู้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสกัดจับคนขับรถคือนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือ บอล คนขับรถได้ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยในตอนแรก นายสันติภาพ บอกว่านายเอกยุทธหลบหนีไปประเทศพม่าโดยมีรถอีกคันมารับตัวไป
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ นายเอกยุทธ ซึ่งรู้ตัวว่ามีผู้ปองร้าย ได้แจ้งกับทนายความคือนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ไว้ว่าหากมีอันตรายเกิดขึ้น ไม่น่าจะใช่เรื่องส่วนตัว และนายสุวัตร ได้ขอเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาร่วมกับตำรวจ พร้อมตั้งข้อสังเกต ความผิดปกติ 13 ข้อ จนในที่สุดนายสันติภาพ จึงสารภาพว่า ร่วมกับพวกจับตัวนายเอกยุทธไปเพื่อชิงทรัพย์ แต่มีการขัดขืนจึงฆาตกรรมและนำศพไปฝั่งที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งตำรวจได้ตามไปขุดหาจนพบศพ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีนายเอกยุทธถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งและขอให้มีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ โดยนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ อดีตทนายความของนายเอกยุทธ ได้ออกมาเปิดว่า ได้พูดคุยกับ นายสันติภาพ จากห้องขัง นายสันติภาพยังยืนกรานว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือสังหารนายเอกยุทธตามที่เคยให้การไว้ แต่มีทีมสังหาร ซึ่งเป็นกลุ่มคนมีสีจำนวน 4 คน เป็นผู้ลงมือฆ่า ส่วนนายสันติภาพทำหน้าที่เพียง "ผู้ชี้เป้า"
โดยทีมสังหารได้ลงมือฆ่านายเอกยุทธตั้งแต่อยู่ภายในบ้านพักย่านทาวน์อินทาวน์ หลังจากอุ้มนายเอกยุทธมาจากร้านอาหาร โดยชนวนการอุ้มมาจากการที่ "กลุ่มสังหาร " ต้องการบังคับเอา "ฮาร์ดดิสก์" ซึ่งเป็นความลับสำคัญที่นายเอกยุทธมีอยู่ โดยทีมสังหารไม่ได้ตั้งใจจะฆ่านายเอกยุทธที่บ้านแค่ต้องการสั่งสอนแต่ลงมือแรงไป ทำให้แผนที่จะอุ้มไปฆ่าที่อื่นต้องล้มเหลว จึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่เอาศพไปทิ้งที่พัทลุง
ต่อมาอัยการ ได้ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ เพ็งด้วง ,นายสุทธิพงษ์ พิมพิสาร เป็นจำเลย ข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดและให้ทำเอกสารสิทธิ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยใช้กำลังประทุษร้ายและมีอาวุธ จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการ ไม่กระทำการ จำยอมต่อสิ่งนั้นและทำเอกสารสิทธิ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนอนุญาตให้ผู้อื่นมีและไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่ต้องติดตัวไปในเมือง และไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว พกพาไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
และยื่นฟ้องนายชวลิต วุ่นชุม และ นายทิวากร เกื้อทอง ข้อหาร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และยื่นฟ้องจ่าสิบเอกอิทธิพล และนางจิตอำไพ เพ็งด้วง พ่อ-แม่ของนายสันติภาพ ในข้อหาร่วมกันรับของโจรที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์หรือชิงทรัพย์ และให้ร่วมกันคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนอีก 1,741,970 บาท แก่ผู้เสียหาย