'อาซาร์ด'คืนทัพบุกเอ็มเคดอนส์ ลูคาคูนำทอฟฟีบู๊คาร์ไลส์

'อาซาร์ด'คืนทัพบุกเอ็มเคดอนส์ ลูคาคูนำทอฟฟีบู๊คาร์ไลส์

“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ต้องลุ้นอาการเจ็บเข่าของ ดิเอโก คอสตา

 กองหน้าคนสำคัญ ในขณะที่ เอดอง อาซาร์ด เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง ฟิตกลับมาพร้อมเป็นตัวจริง ในเกมเยือน เอ็มเค ดอนส์ จากลีกแชมเปี้ยนชิพ ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 วันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. หากลงไม่ได้อาจใช้ เอดอง อาซาร์ด ขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ด้าน “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน มี โลเมลู ลูคาคู ยืนหัวหอกบุก คาร์ไลส์ ทีมในลีก ทู ส่วนเกมเมื่อคืนวันศุกร์ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด บุกเชือด “แกะเขาเหล็ก” ดาร์บี 3-1 ทะยานเข้ารอบ 5 

ศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ภายใต้การนำทีมของ กุส ฮิดดิงส์ กุนซือชาวดัตช์ที่เคยคว้าแชมป์ถ้วยนี้มาแล้ว 1 ครั้ง จะออกไปเยือน เอ็มเค ดอนส์ ทีมอันดับ 20 ของแชมเปี้ยนชิพ ในเวลา 23.00 น. โดยเกมนี้ทีมเยือนมีปัญหาเพียงอย่างเดียวคือต้องลุ้นทดสอบความฟิตของ ดิเอโก คอสตา หัวหอกชาวบราซิเลียนที่เจ็บหัวเข่า จากเกมที่บุกไปชนะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล 1-0 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ฮิดดิงส์ ยังมีข่าวดีที่แนวรุกได้ เอดอง อาซาร์ด ฟิตกลับมาพร้อมลงสนามเป็นตัวจริงแล้ว โดยแนวรับ ฮิดดิงส์ ยังมั่นคงในคู่เซ็นเตอร์แบ็ก จอห์น เทอร์รี กับ เคิร์ท ซูมา ขณะที่แดนกลางยังไม่ประมาทจะใช้ เนมันยา มาติช กับ จอห์น โอบี มิเคล ช่วยคุมพื้นที่ในแดนกลาง และแนวรุกมีตัวรุกอย่าง ออสการ์, วิลเลียน และเชส ฟาเบรกาส พร้อมใช้งาน โดยหากว่า คอสตา ไม่สามารถฟิตทันเกมนี้ ยังมีตัวเลือกที่ โลอิก เรมี หรืออาจจะใช้ อาซาร์ด ขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า

ฝั่ง เอ็มเค ดอนส์ ฟอร์มดีขึ้นมาบ้างในช่วงหลัง เมื่อ 3 นัดหลังสุดชนะได้ 2 นัดและแพ้ให้ โบลตัน 1-3 ในเกมล่าสุด ซึ่งเกมนี้แม้ว่าจะเล่นในบ้านตัวเองแต่กุนซือ คาร์ล โรบินสัน จะจัดทีมแบบเน้นเกมรับไว้ก่อนด้วยการให้ ไซมอน เชิร์ช ยืนเป็นหัวหอกเพียงคนเดียว

ขณะที่เกมอีกคู่ในเวลา 20.30 น. “ทอฟฟีสีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน จะออกไปเยือน คาร์ไลส์ ทีมจากลีก ทู ซึ่งแม้ว่าจะเป็นทีมที่ต่ำชั้นกว่ามาก แต่ โรแบร์โต มาร์ติเนซ ยังคงเน้นส่งทีมชุดใหญ่ลงสนามอย่างเต็มที่ จะมีการปรับเปลี่ยนเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้น

แนวรับ จอห์น สโตนส์ น่าจะกับมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็กร่วมกับ ฟิล จากิลกา และซีมุส โคลแมน จะกลับมาเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาเพื่อเน้นเกมรุก แต่ในแดนกลางยังไม่มีทั้ง โมฮาเหม็ด เบซิช, เจมส์ แม็คคาร์ธี และเควิน มิรายาส ที่ยังเจ็บอยู่พร้อมกัน ต้องใช้ ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ กับ แกเรธ แบร์รี เป็นคู่กองกลาง ส่วนเกมรุกจะมี รอสส์ บาร์คลีย์, ลีออน ออสแมน เป็นตัวเดินเกม ขณะที่หัวหอก มาร์ติเนซ น่าจะปรับเอา อารูนา โคเน ลงมาคู่กับ โลเมลู ลูคาคู ที่ยังได้ลงล่าประตูในตำแหน่งตัวจริง

ด้าน คาร์ไลส์ ทีมอันดับ 11 กุนซือ คีธ เคิร์ล จะไม่ปรับทัพจากระบบการเล่นหลักของทีมแม้ว่าจะทำได้เพียงแค่เสมอติดต่อกันมาแล้ว 4 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเกมเอฟเอ คัพ รอบที่แล้วที่เสมอ เยโอวิล 1-1 ก่อนเข้ารอบมาได้ด้วยการดวลจุดโทษ และเกมนี้จะได้ ลี จอยช์ กองกลางตัวหลักพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ ส่วนแนวรุกจะฝากความหวังไว้ที่ ชาร์ลี ไวค์ กับ ดีเรค อซาโมอาห์ กองหน้าตัวเก๋าที่ยิงรวมกันไปแล้ว 15 ประตูในฤดูกาลนี้

ส่วนเกมเอฟเอคัพ รอบ 4 ที่เตะเป็นคู่แรกเมื่อวันที่ 29 ม.ค. “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด แชมป์ 11 สมัย บุกชนะ “แกะเขาเหล็ก” ดาร์บี ทีมจากแชมเปียนชิพ ที่สนามไพรด์ ปาร์ค 3-1 จากประตูของ เวย์น รูนีย์ นาทีที่ 16, ดาลีย์ บลินด์ นาทีที่ 65 และ ฆวน มาตา นาทีที่ 83 ส่วนเจ้าถิ่นได้จาก จอร์จ ธอร์น นาทีที่ 37 ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด เข้ารอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้เป็นทีมแรก ซึ่ง หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทีมเยือนยอมรับว่าฝันจะนำทีมคว้าแชมป์ถ้วยนี้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004 พร้อมทั้งมองว่าเกมนี้ลูกทีมเล่นกันได้ดีมาก

“บางทีมันอาจจะดีกว่าที่เราซ้อม เราเล่นได้อย่างถูกจังหวะกับการต้านทานของดาร์บี เราเสียประตูให้พวกเขาไป แต่ตอนพักครึ่งแรกผมบอกว่ามันเป็นฟอร์มการเล่นที่ดี รักษาระดับการเล่นเอาไว้และเราจะชนะ ซึ่งเราก็ทำได้ พรีเมียร์ลีกมีความสำคัญมาก แต่เอฟเอ คัพ ก็เป็นหนึ่งในถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ พร้อมด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและสำคัญ เราไม่ได้แชมป์ถ้วยนี้มานานแล้ว ดังนั้นเราจึงฝันที่จะคว้าแชมป์ แต่หลังจากที่ชนะมา 2 นัดคุณยังพูดไม่ได้ว่าเราจะเป็นแชมป์” ฟาน กัล กล่าว