จบคดีซานติก้าผับ ศาลปค.สูงสุดสั่งค่าเสียหายเพิ่มกว่า5ล้าน
ปิดฉาก! จบคดีซานติก้าผับ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้เพิ่มค่าสินไหมทดแทน สั่ง กทม.จ่าย 12 ญาติ-เหยื่อตายบาดเจ็บกว่า 5 ล้าน
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 31 ต.ค.59 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาแก้คำตัดสินศาลปกครองชั้นต้น ให้กรุงเทพมหานครผู้ถูกฟ้อง ชำระค่าสินไหมทดแทนกับ นางฟถๅๅเอสเตอร์ เยียน เชน เลาพิกานนท์ ผู้ฟ้องที่ 1 เป็นเงิน 175,000บาท,นางมุ้ยเกียง ถนอมปัญญารักษ์ ผู้ฟ้องที่ 2 เป็นเงิน 85,000บาท,นายสนธยา บุญพรม ผู้ฟ้องที่ 3 เป็นเงิน 595,000 บาท,นายศักดิ์สิทธิ์ เทียนทอง ผู้ฟ้องที่ 4 เป็นเงิน 295,000บาท,น.ส.มัทริน อยู่โต ผู้ฟ้องที่ 5 เป็นเงิน 160,000บาท,นาง พนิดา โพธิ์ศรี ผู้ฟ้องที่6 เป็นเงิน 475,000บาท,น.ส. ธนัชชา สุนทรชัย ผู้ฟ้องที่ 7 เป็นเงิน 239,462.50บาท,น.ส.ปรียานุช พึงลำภู ผู้ฟ้องที่ 8 เป็นเงิน 456,562.75บาท,น.ส.กาญจนา นาคขวัญ ผู้ฟ้องที่ 9 เป็นเงิน 511,560.50บาท,น.ส.ศศินันท์ ชาญการไถ ผู้ฟ้องที่10 เป็นเงิน 773,791.67บาท,นาย วราวุธ นาคพัฒน์ ผู้ฟ้องที่ 11 เป็นเงิน 1,509,087.50บาท และ น.ส.รัตนา แซ่ลิ้ม ผู้ฟ้องที่ 12 เป็นเงิน 518,786บาท ซึ่งทั้งหมดเป็น ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการเพลิงไหม้ในสถานบริการ ซานติก้าผับ ย่านทองหล่อ เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551
โดยคดีนี้ นางเอสเตอร์ กับพวกทั้ง 12 ราย ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2552 ในคดีหมายเลขดำ 2115 / 2552 ต่อศาลปกครองกลาง กรณีที่ ผู้ฟ้องทั้ง 12 รายซึ่งเป็นครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ โดยกรุงเทพมหานครไม่ควบคุมดูแลอาคารที่เปิดเป็นสถานบริการ ไม่ตรวจสอบสภาพ โครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่ง ซานติก้าผับ มีลักษณะเป็นอาคารสาธารณะ จากการตรวจสอบของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ พบว่าไม่มีระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และป้ายทางหนีไฟ โดยชั้นใต้ดินมีทางขึ้นลงทางเดียวจึงขอให้ศาลพิพากษาสั่งผู้ถูกฟ้องชำระเงินค่าเสียหายทางจิตใจ ค่าปลงศพ ค่าขาดโอกาสในการทำงาน และค่าขาดไร้อุปการะ กับผู้ฟ้องทั้ง 12 ราย พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ ศาลมีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จ
ขณะที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า การที่ภายในอาคารดังกล่าวไม่จัดให้มีป้ายบอกทางออกและทางหนีไฟ และไม่พบระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ขณะที่ได้มีการก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตมีการต่อเติมดัดแปลงใช้เป็นสถานบริการ ซานติก้าผับ ซึ่งอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ระหว่างซอยเอกมัย 9-11 และอยู่ห่างจากสำนักงานเขตวัฒนาไม่มากดังนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ย่อมต้องทราบหรือควรจะทราบว่าอาคารนั้นได้ก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ว่า กทม.มีหน้าที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ซึ่งแม้ผู้ว่าฯ กทม จะแจ้งความร้องทุกข์แต่ก็หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้ว จึงถือได้ว่าละเลยต่อหน้าที่ จึงให้ กทม.ชำระค่าสินไหมทดแทนกับนาง เอสเตอร์ เยียน เชน เลาพิกานนท์ ผู้ฟ้องที่ 1 เป็นเงิน 140,000บาท,นาง มุ้ยเกียง ถนอมปัญญารักษ์ ผู้ฟ้องที่ 2 เป็นเงิน 68,000 บาท,นาย สนธยา บุญพรม ผู้ฟ้องที่ 3 เป็นเงิน 308,000บาท,นาย ศักดิ์สิทธิ์ เทียนทอง ผู้ฟ้องที่ 4 เป็นเงิน 236,000บาท,น.ส. มัทริน อยู่โต ผู้ฟ้องที่ 5 เป็นเงิน 128,000บาท,นาง พนิดา โพธิ์ศรี ผู้ฟ้องที่ 6 เป็นเงิน 740,000บาท,น.ส. ธนัชชา สุนทรชัย ผู้ฟ้องที่ 7 เป็นเงิน 191,570บาท,น.ส.ปรียานุช พึงลำภู ผู้ฟ้องที่ 8 เป็นเงิน 250,888บาท,น.ส.กาญจนา นาคขวัญ ผู้ฟ้องที่ 9 เป็นเงิน 279,306บาท,น.ส.ศศินันท์ ชาญการไถ ผู้ฟ้องที่10 เป็นเงิน 550,600บาท,นาย วราวุธ นาคพัฒน์ ผู้ฟ้องที่ 11 เป็นเงิน 263,048บาท และ น.ส.รัตนา แซ่ลิ้ม ผู้ฟ้องที่ 12 เป็นเงิน 249,823บาท รวม 3,405,235 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ผู้ถูกฟ้องชำระค่าสินไหมภายใน 30 วันนับแต่คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ต่อมา กทม.ผู้ถูกฟ้องยื่นอุทธรณ์ และ ผู้ฟ้องทั้ง 12 ยื่นอุทธรณ์ในประเด็นค่าเสียหายเพิ่มเติม ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ความเสียหายของผู้ฟ้องทั้ง 12 เป็นผลโดยตรงต่อการละเลยต่อการปฎิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ว่า กทม. ที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ชำระค่าสินไหมทดแทนกับผู้ฟ้องทั้ง 12 รายนั้นเห็นพ้องโดยบางส่วน โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้ปรับเพิ่มค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ฟ้องทั้ง 12 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีนี้เมื่อศาลปกครองสูงสุดมำคำพิพากษาย่อมถือคดีเป็นที่สุด กทม.จะต้องชำระค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ยภายใน 30 วัน ซึ่งค่าสินไหมผู้ฟ้องทั้ง 12 คนแล้วรวมเป็นเงิน 5,794,250.92 บาท