คิดแบบ'อาลีบาบา’ เขย่าบัลลังก์ตลาดค้าปลีกยุคใหม่

คิดแบบ'อาลีบาบา’ เขย่าบัลลังก์ตลาดค้าปลีกยุคใหม่

มหกรรมชอปปิงโลกหรือ "วันซิงเกิลเดย์” ถูกยกให้เป็นวันช้อปสนั่นฉลองอิสระภาพของคนโสดในจีนเมื่อ 8 ปีก่อน แต่กลับกลายเป็นจุดสร้างชื่อให้อาลีบาบา

ก้าวขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซโลกด้วยยอดขายที่จ่ายบริการอาลีเพย์เกิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5 แสนล้านบาทภายใน 24 ชั่วโมงในปีที่ผ่านมา และเป็นสถิติที่ยังสูงกว่ามูลค่าการซื้อขายจากเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ 2 งานในสหรัฐอย่าง “แบล็ค ฟรายเดย์” และ “ไซเบอร์ มันเดย์” รวมกัน


ปีนี้ความทรงพลังของอาลีบาบาก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อยอดขาย 5 นาทีแรกของวัน 11.11 ที่แม้จะเจาะกลุ่มนักช้อปจีนทั่วโลกโดยเฉพาะผ่าน "ทีมอลล์” เว็บขายสินค้าโดยตรงจากแบรนด์ และ “เถาเป่า” ที่เปิดให้ผู้ประกอบการขาย แต่ก็ทำสถิติเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะทะยานสู่ 5.2 พันล้านดอลลาร์ภายใน 1 ชั่วโมง และยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อรวมยอดขายผ่าน “อาลีเอ็กซ์เพรส” ที่จะมาจากผู้ซื้อชาติอื่นๆ ทั่วโลก


ตอกย้ำความคิดที่ว่า “อารมณ์อยู่เหนือการจับจ่าย” ซึ่งอาลีบาบาจับจุดนี้จัดกิจกรรมบันเทิงชนิดที่เรียกกว่ามาราธอนนับเดือน ก่อนจะจัดหนักไฮไลต์ในงานเคาท์ดาวน์ช้อปแบบจำกัดเวลา 24 ชั่วโมงกระหน่ำโปรโมชั่นและกิจกรรมบันเทิงขยี้ใจลูกค้าในวัน 11 เดือน 11


ดึงวีอาร์-เออาร์ เพิ่มประสบการณ์
“นายโจ ไฉ่” รองประธานอาลีบาบา กรุ๊ป บอกว่า เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค และเป็นวิธีที่อาลีบาบาใช้ผลักดันตลาดอีคอมเมิร์ซมาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นอนาคตของธุรกิจค้าปลีก


“ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เรานำเทคโนโลยีเวอร์ชวล เรียลิตี้ (วีอาร์) มาช่วยเสริมประสบการณ์ใหม่ในการซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเลือกดูหรือจะซื้อก็ทำได้ผ่านวีอาร์ทั้งหมด


เบื้องต้นร่วมมือกับแบรนด์และร้านค้าบางแห่ง ให้ลูกค้าดูสินค้าและชมสินค้าในร้านผ่านบริการ “บายพลัส” ซึ่งใช้แว่นวีอาร์ช่วยเลือกชม ไปจนถึงการสั่งซื้อได้ภายในโลกเสมือนจริงที่จำลองขึ้น (อาลีบาบาผลิตวีอาร์ เฮตเซตขายเองในราคา 1 หยวน)


นักช้อปสามารถเลือกชมสินค้าในร้านค้าเสมือนจริง 8 แห่ง ด้วยชุดอุปกรณ์วีอาร์ เช่น ห้างเมซี่ส์, ทาร์เก็ต และมัทสึโมโตะ คิโยชิ และยืนยันการสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการด้วยระบบ “วีอาร์ เพย์” เพียงจ้องไปที่รายการรสินค้าโดยไม่ต้องถอดแว่นออก ยืนยันการสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการด้วยระบบ “วีอาร์ เพย์” เพียงจ้องไปที่รายการรสินค้าโดยไม่ต้องถอดแว่นออก


รวมถึงดึงเทคโนโลยี “ออคเมนเต็ด เรียลิตี้ (เออาร์)” เข้ามาเพิ่มสีสันใหม่ๆ ในการทำตลาด เช่น ให้ลูกค้าเก็บแต้มผ่านเออาร์ในร้านค้า คล้ายกับการล่าโปเกม่อน โก เกมเออาร์ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยดึงให้ผู้บริโภคเดินทางไปยังหน้าร้านของแบรนด์ต่างๆ ในทีมอลล์ เช่น เคเอฟซี และสตาร์บัคส์


“อาลีบาบากำลังทำงานร่วมกับร้านค้าออฟไลน์มากกว่าล้านแห่งเพื่อพัฒนาการตลาดแบบออนไลน์ทูออฟไลน์ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว"

การช้อปคือเรื่องบันเทิง
ผู้บริหารอาลีบาบายังมองว่า การช้อปปิ้งในปัจจุบันเริ่มกลายเป็นความบันเทิงชนิดที่จัดได้ว่าเป็นของที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะ “คนรุ่นใหม่” ที่กลายเป็นผู้ผลักดันตลาด ซึ่งบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาพบว่า 75% ของผู้ใช้อายุต่ำกว่า 35 ปี


ขณะที่ 80% ของการช้อปปิ้งออนไลน์ทำผ่านอุปกรณ์โมบาย ไม่ว่าจะเลือกดูสินค้า หาข้อมูลไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ


“คนรุ่นใหม่จำนวนมากมีพฤติกรรมดูทีวีพร้อมๆ กับการใช้มือถือไปด้วย และมักจะมีฟีดแบ็ก หรือแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนผ่านมือถือในทันที รวมไปถึงพฤติกรรมการซื้อของก็เช่นกันที่จะเห็นว่า ผู้ชมจะกดซื้อสินค้าทันทีที่เห็นในรายการทีวี หรืออีเวนท์ กลายเป็นอีโค่ซิสเต็มส์ที่ไปด้วยกันทั้งการทำกิจกรรมกระตุ้นการซื้อและความสามารถของเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวย” 

นายโจยังระบุว่า เทคโนโลยีหลังบ้านของอาลีบาบาก็เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญมาก เฉพาะ “อาลีเพย์” บริการจ่ายเงินที่บริษัทพัฒนาขึ้นรองรับอีคอมเมิร์ซสามารถรองรับการชำระเงินได้ระดับ 1 แสนรายการต่อวินาที ลดการใช้บริการจากระบบการเงินภายนอกที่เชื่อถือได้น้อยกว่า

รวมถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของตัวเอง ซึ่งสถิติวัน 11.11 ปีที่ผ่านมาอาลีบาบามียอดจัดส่ง 467 ล้านกล่อง ซึ่งเป็นยอดที่สูงกว่ายอดจัดส่งของบริการยูพีเอสทั่วโลก

ขณะที่ผู้ค้าเองก็ได้ประโยชน์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากเวลาปกติมากกว่า 10 เท่า

ขณะเดียวกันก็ช่วยสานเป้าขยายธุรกิจในตลาดโลกของอาลีบาบาที่หวังจะขยายฐานลูกค้าสู่หลัก 2 พันล้านคนภายใน 10 ปีจากนี้ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนธุรกิจจนาดเล็ก แบรนด์ และผู้ค้าปลีกรวมกว่า 10 ล้านราย

สัมพันธ์จีน-สหรัฐ ชี้ชะตาโลก
ส่วนประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะมีผลต่อการขยายตลาดของอาลีบาบาหรือไม่นั้น “นายโจ ไฉ่” รองประธานอาลีบาบา กรุ๊ป ระบุว่า ประธานาธิบดีมีหน้าที่ต้องดูแลประเทศอยู่แล้ว ซึ่งโซลูชั่นที่ดีที่สุดสำหรับสหรัฐก็คือ ยังต้องเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ ของโลก เพราะหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เชื่อมโยงกับใครเลยก็เป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ที่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความอยู่ดีมีสุขของโลก และปัจจุบันเศรษฐกิจจีนอยู่ในสถานะเหนือกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ หรือมั่งคั่งกว่า 3 เท่า

นอกจากนี้ จีนยังเป็นตลาดใหญ่ และเป็นแหล่งทุนสำคัญของสหรัฐอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศนั้นจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของโลกในศตวรรษถัดไปได้เลย

ขณะที่ “ไทย” ปัจจุบันถือเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซใหญ่อันดับสองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียจากความแข็งแกร่งของสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจ ซึ่งอาลีบาบาก็มีแผนที่จะขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ให้แกร่งขึ้น และก็ได้เริ่มต้นแล้วมาตั้งแต่ต้นปีคือ การขยายธุรกิจผ่านเครือข่ายของลาซาด้าที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว

“เรามีแผนจะทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกับการจัดเทศกาลวันซิงเกิลเดย์ผ่านแพลตฟอร์มของลาซาด้าในไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการทำกิจกรรมก่อน”