ฟินเทค โจทย์ท้าทาย ธุรกิจที่ปรึกษาการเงิน
จากรายงานผลการศึกษา เรื่องฟินเทค และอนาคตเผยผลสำรวจความคิดเห็น นักวางแผนทางการเงิน CFPจำนวน1,700คน จากทั่วโลกพบว่านวัตกรรมฟินเทคและการใช้
เทคโนโลยีในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน โดยอัตโนมัติ (Automated advice tools) ถือเป็นโอกาส และความท้าทายต่อธุรกิจบริการวางแผนการเงิน ในทางหนึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการ ด้วยต้นทุนที่ลดลง ช่วยสนับสนุนให้บริการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยนำฟินเทค มาใช้ร่วมกันบางส่วนของกระบวนการวางแผนทางการเงิน
อย่างไรก็ตามฟินเทค ยังไม่สามารถทำงานทดแทนที่ปรึกษาการเงินได้(Human advice) ได้ เนื่องจากข้อจำกัด ด้านการจัดการกับสถานการณ์ทางการเงินที่มีรวามซับซ้อน หรือการประมวลผลข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงิน (non-financial information) นอกจากนั้นยังมีประเด็นเรื่องของความเสี่ยงหรือการฉ้อโกงที่อาจแฝงมากับพัฒนาการของฟินเทค ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
อย่างไรก็ตามควรนำโอกาสและความท้าทายของนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในมิติของการช่วยเป็นส่วนเติมเต็มในการให้บริการวางแผนการเงิน สามารถช่วยให้ผู้บริโภคบรรลุเป้าหมายทางการเงิน และชีวิตส่วนบุคคลโดยเน้นคุณค่าของคำปรึกษาที่ได้รับจากที่ปรึกษาทางการเงิน
ล่าสุด จากเวทีจัดงานสัมมนาหัวข้อ TFPA Wealth Management Forum 2016 ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลทิศทางของธุรกิจ Wealth Management ในปี2563 รวมถึงความจำเป็นของการปรับตัวของธุรกิจ Wealth Management ต่อนวัตกรรมฟินเทค
ปัจจุบันมีนักวางแผนทางการเงินทั่วโลก180,000คน อยู่ในเมืองไทย 181คน เติบโต24%เมื่อเทียบปีก่อนคาดว่ายังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอน นักวางแผนทางการเงินต้องศึกษาการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้ทัน มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้คำแนะนำนักลงทุนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมโดยเฉพาะการลงทุนในภาวะการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกภายใต้นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานธิบดีคนที่45ของสหรัฐ
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทยกล่าวว่า ผู้ลงทุนต้องปรับพอร์ตลงทุนทั้งรองรับความผันผวนและเปิดรับโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วย ยังเน้นการลงทุนระยะยาวเน้นการลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและอสังหาฯ ค่อนข้างมาก ส่วนการลงทุนหุ้น เน้นแบบรายตัวที่ยังทำกำไรได้ในบางจังหวะ ส่วนทางด้านการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนยังต้องระมัดระวังและยังต้องรอดูความชัดเจนก่อน
อย่างไรก็ตามควรมีสัดส่วนลงทุนต่างประเทศไม่เกิน20%ของพอร์ตลงทุนและต้องปรับพอร์ตให้เหมาะสม โดยตลาดที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนเช่น ญี่ปุ่น ในอนาคตแนวโน้มการผลิตและบริโภคยังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงที่ผ่านมา มองว่าเป็นจุดน่าสนใจเข้าไปลงทุนด้วยต้นทุนที่ถูกและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต รวมถึงแน่นอนว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังน่าสนใจด้วย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปและจีน รวมทั้งกลุ่มธนาคาร ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่มเดิม
สำหรับเสวนาทิศทางของธุรกิจ Wealth Management 2020 นายพิชา รัตนธรรม ผู้บริหารสายงาน Wealth Management ธนาคารทิสโก้ (มหาชน) เปิดเผยว่า สิ้นปีนี้ยังมองดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,500จุด และในปีหน้าที่ระดับ1,600จุด กลุ่มอุตสากรรมที่เกี่ยวการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เช่น ก่อสร้าง รถไฟฟ้าสายสีต่างๆยังน่าสนใจเข้าไปลงทุน ขณะที่กลุ่มพลังงาน มีความน่าสนใจลดลง จากนโยบายของทรัมป์
อย่างไรก็ตามจากนโยบายของทรัมป์ ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติยังไหลออก ซึ่งตอนนี้ไหลออกแล้วและในเดือนธ.ค. ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย แน่นอนว่าเงินทุนต่างชาติยังจะไหลออกต่อเนื่อง แต่ในปีหน้า คาดว่าก็จะไหลกลับมา เพราะแม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นไปสูงมาก แต่ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุนภายใต้การขับเคลื่อนโร้ดแมพของรัฐบาลและการเลือกตั้งน่าจะมีชัดเจนขึ้น
ประกอบกับในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยภาพรวมมีสัญญาณการฟื้นตัว ทั้งจากการลงทุนและการเบิกจ่ายภาครัฐ แต่ยังต้องติดตามการส่งออกอยู่ แม้จะติดลบลดลงก็ตามจากราคาสินค้าเกษตรบางตัวปรับดีขึ้น แต่ก็ยังมีแรงกดดันจากนโยบายการค้าของทรัมป์
นายณฤทธิ์ โกสาลาทิพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหัวหน้าทีมที่ปรึกษาส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากลงทุนภายในระยะเวลา5ปีและขาดทุนไม่เกิน20% ยังจำเป็นต้องลงทุนในหุ้น แต่ลงทุนในสัดส่วน50-60% การลงทุนหุ้นใกล้ 100% ยังมีความเสี่ยงขาดทุนสูง และที่สำคัญการลงทุนต้องกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง โดยกองทุนรวม ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญ แต่ต้องพิจารณาการลงทุนตามสไตล์ คัดเลือกผู้จัดการกองทุน และเน้นกองทุนรวมที่เป็นสมาร์ทเบต้า ที่เป็นการลงทุนแบบใหม่รองรับในภาวะที่ไม่แน่นอน
“นักวางแผนทางการเงินCFP และที่ปรึกษาการเงินAFPT มีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาทางการเงิน ดังนั้นจำเป็นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อให้บริการคุณภาพแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะในภาวะการณ์ฟินเทคได้เข้ามามีบทบาทในตลาดการเงินไทย”นางวิวรรณ ทิ้งท้าย




