'ประวิตร'ยันซื้อเรือดำน้ำ3หมื่นล้าน อ้างเพื่อนบ้านมีหมดแล้ว
รมว.กลาโหม ยืนยันซื้อเรือดำน้ำ3หมื่นล้าน ชี้จำเป็นและเพื่อนบ้านมีหมดแล้ว ด้านโฆษกทัพเรือโต้ข่าวเมาท์ซื้อมาจอดแช่น้ำ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือ ว่า ตอนนี้กรอบวงเงินในการซื้อเรือดำน้ำผ่านการพิจารณาไปแล้ว แต่ขั้นตอนต่อไปกองทัพเรือจะต้องทำรายละเอียดเสนอเข้า ครม.อีกครั้ง
“กองทัพเรือมีงบประมาณอยู่แล้ว ส่วนคุณสมบัติของเรือดำน้ำที่จะซื้อ ขอให้ถามกับกองทัพเรือเพราะเป็นผู้เสนอ อย่างไรก็ตามขณะนี้งบประมาณได้ผ่านมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ซึ่งคงจะได้เรือดำน้ำมา 1 ลำมาก่อน และก่อหนี้ผูกพันข้ามเพื่อซื้อมาอีก2ลำ เพราะจะมีเรือดำน้ำลำเดียวคงทำอะไรไม่ได้” รองนายกฯ กล่าว
“เรือดำน้ำมีความจำเป็นเพราะประเทศเพื่อนบ้านมีกันหมดแล้ว อีกทั้งเมื่อซื้อต้องนำมาใช้งานได้ เพราะทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทยมีมหาศาลโดยเฉพาะฝั่งอันดามันที่ไทยยังไม่เคยไปสำรวจ อีกทั้งจะมีประโยชน์มากในเรื่องการป้องกันอธิปไตย” พล.อ.ประวิตร ย้ำ
ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษก ทร. กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class S26T จากจีน ผ่านความเห็นชอบแล้วจากรัฐบาลและสภานิติบัญญัติแล้ว โดยเตรียมจัดซื้อลำแรกปี 2560 ในงบประมาณ 13,500 ล้านบาท มีราคาแพงกว่าซื้อเหมา 3 ลำ ราคาเหมาจ่าย 36,000 ล้านบาท เป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพราะทางกองทัพเรือได้งบประมาณมาเท่านี้
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ราคานี้เป็นราคาแพคเกจ รวมระบบ อาวุธ การฝึกศึกษา อบรม ส่งบุคลากรจากจีนมาไทย และการซ่อมบำรุง ใช้เวลาต่อเรือ 6 ปี ไม่ใช่สั่งแล้วได้เลย และต้องดูด้วยว่า 6 ปีเทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ซึ่งทางเทคนิคของคนปฏิบัติการเรือดำน้ำ การจะสอนคนให้อยู่กับเรือดำน้ำได้ ใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี
“ยอมรับว่าเรือดำน้ำมีเทคโนโลยีที่ยากแก่การเข้าใจของสังคม เพราะมีเทคโนโลยีสูง ทางกองทัพเรือให้ประชาชนเรียนรู้โดยธรรมชาติ หลังคณะทำงานของ ทร.ได้ศึกษามายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว ที่พูดกันว่าซื้อมาแล้วจะจอดแช่น้ำ ไม่ได้ใช้งาน ขอถามว่า มีอาวุธชิ้นไหนของกองทัพเรือ ใช้ไม่ได้บ้าง” โฆษกกองทัพเรือกล่าว