ทลายเครือข่ายยานรก 'แก๊งมันทุกเม็ด' ขยายผลยึดทรัพย์ฟอกเงินจากการค้ายา

27 สิงหาคม 2561  เวลาประมาณ 07.00 น. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด  นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมด้วย ตำรวจ กองกำกับการ5 กองบังคับการปราบปราม (กก.5บก.ป.) ทหาร ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นเข้าตรวจค้นและจับกุม เครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตามแผนชัยยะสยบไพรี 61/7 ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ " MDS mission dark social"

โดยจุดแรก เจ้าหน้าที่นำหมายค้นเข้าค้นบ้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้านหรู ย่านพุทธมณฑลสาย 5 พบ ภรรยาของ นายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาฟอกเงิน ของเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ชื่อ "แก๊งมันทุกเม็ด" ภายหลังพบพฤติการณ์ว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ ซึ่งขณะเข้าปฏิบัติการ ภรรยา พยายามโทรศัพท์ ก่อนออกมาพบเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ยอมเปิดประตู กระทั่งเจ้าหน้าที่แสดงและอ่านหมายค้นจึงยินยอมเปิดประตู เจ้าหน้าที่ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 5 นาที 

 

 

จากนั้น ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น โรงงานที่อยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของโรงงานบริษัท ป.รุ่งโรจน์ สยามยางยนต์ จำกัด ตั้งอยู่ใน อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นโรงงานจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ มีนายรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน เป็นเจ้าของ และเมื่อเข้าตรวจค้น พบตัวผู้ต้องหาอยู่ภายในโรงงาน จึงได้ทำการจับกุม 
     

 

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ ตำรวจสืบทราบว่า นายรุ่งโรจน์ ได้รับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติด"มันทุกเม็ด" ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ก่อนนำมาเงินมาฟอกผ่านธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยก่อนหน้าที่จะเปิดโรงงานเมื่อปี 2561 มีเงินโอนเข้ามาบัญชีของนายรุ่งโรจน์ตั้งแต่ปี 2559 และ 2560 แล้ว ซึ่งเครือข่ายยาเสพติด"มันทุกเม็ด" เป็นเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ ที่มีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊ก และในช่วงระยะเวลา 1 ปี มีการขยายเครือข่ายไปกว่า 30 จังหวัด มีสมาชิกกว่า 9 พันคน และมีบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 2 หมื่นบัญชี 

 

 

พล.ต.ท.สมหมาย บอกอีกว่า การทำงานกันของเครือข่ายนี้ใช้สื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และ ไลน์ ในการค้ายาเสพติด ทำในรูปแบบของธุรกิจขายตรง มีการขยายเครือข่าย และแบ่งฝ่ายทำงาน ทั้งฝ่ายจัดการเส้นทางการเงิน มีการตรวจสอบลูกค้า และกลุ่มบุคคลส่งสินค้าตามจุดที่กำหนดไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่เก็บเงิน ซึ่งทำงานกันอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามทวงหนี้หากไม่จ่ายเงิน จากบัตรประชาชน เพราะขั้นตอนการสมัครจะต้องใช้บัตรประชาชน แสดงตัวตนและที่อยู่ปัจจุบัน 

 

 

ด้าน พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด ผบก.ปส.3 กล่าวว่า จากการสืบสวนกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ พบว่า มีการโอนเงิน เพื่อเข้ามาฟอกเงินที่โรงงานแห่งนี้ และบางส่วนนำไปปล่อยเงินกู้นอกระบบ ให้เป็นเงินที่ถูกต้องและส่งกลับไปให้นายทุนยาเสพติด ซึ่งเครือข่ายนี้ ถือเป็นรายใหญ่ ที่มีกระจายไปทั่วประเทศ โดยลักษณะการขายยาเสพติดของเครือข่ายนี้ คือการใช้สื่อออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก และ ไลน์ ในการค้ายาเสพติด เพราะทำให้เข้าถึงเยาวชนและชาวบ้านได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากัน และไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน ซึ่งหัวหน้าเครือข่ายนี้ เป็น"แก๊งมันทุกเม็ด" ที่หลบหนีหมายจับไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน มีการขยายฐานในการค้ายา เท่าที่ตรวจสอบพบขณะนี้มากกว่า 30 จังหวัด และยังตั้งเป้าให้ครบทั่วประเทศอีกด้วย 

 

 

ทั้งนี้ข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ ยังพบด้วยว่า เงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกส่งคืนให้กับหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดภาคเหนือ ส่วนที่สอง นำไปปล่อยกู้นอกระบบ และส่วนที่สาม ฟอกเงินผ่านธุรกิจจำหน่ายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง ที่เข้าจับกุมในวันนี้ รวมทั้งที่จังหวัดพิษณุโลกอีก 2 แห่ง ซึ่งโรงงานทั้งหมดที่ตำรวจเข้าจับกุม พบว่า จะมีการจำหน่ายยางในราคาถูกต่ำกว่าท้องตลาดเป็นเท่าตัว เพื่อให้จำหน่ายสินค้าให้ได้จำนวนมาก สอดคล้องกับบัญชีเงินหมุนเวียนที่ผิดปกติ สำหรับหัวหน้า"แก๊งมันทุกเม็ด" หลังถูกตำรวจออกหมายจับ พบว่า ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน กับเครือข่าย "หมื่นจะดา" ซึ่งเป็นผู้ส่งยาเสพติดโดยตรงให้กับเครือข่ายนี้

 

 

ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหา ปฏิเสธว่า โรงงานแห่งนี้เปิดมา 6 เดือน และในทุกเดือนจะจ่ายเงินให้ตัวเอง เดือนละ 2 หมื่นบาท ซึ่งไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้จักกับเครือข่าย"แก๊งมันทุกเม็ด" และมั่นใจว่ามีหลักฐานทางการเงินที่จะชี้แจงกับตำรวจถึงที่มาของการเงินได้

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะมีการแถลงสรุปรายละเอียดการปฏิบัติการในวันนี้อีกครั้ง ในเวลา 14.00 น. ที่ บช.ปส.