ผู้โดยสารหัวร้อนตบพนักงานเก็บค่าโดยสารเข้าพบตำรวจแล้ว ยันไม่พอใจพนักงานพูดไม่สุภาพ ไม่เกี่ยวขึ้นค่าโดยสาร ตำรวจส่งฟ้องศาล ข้อหาทำร้ายร่างกาย 29 เมษายนนี้
กรณีนางสนธิ์ ใจผา อายุ 54 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร (ขสมก.) มาแจ้งความกับตำรวจ สน.บางเขน ถูกชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดโปโล แขนสั้น สีแดง กางเกงขายาว ซึ่งเป็นผู้โดยสารเข้าทำร้ายร่างกาย ตบที่บริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บขณะอยู่บนรถเมล์โดยสารประจำทาง สาย 95 วิ่งระหว่างอู่บางเขน-รามคำแหง เหตุเกิดช่วงรามอินทรา กม.4 ถนนรามอินทรา ขาเข้า มุ่งหน้าวงเวียนบางเขน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมานั้น
เมื่อ เวลา 10.30 น. วันที่ 27 เมษายน ที่สน.บางเขน นายอรรถวิทย์ พันธ์น้อย อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายที่ได้ตบหน้าพนักงานเก็บค่าโดยสารบนรถเมล์ สาย 95 เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รองผกก.สส.สน.บางเขน ทางพ.ต.ท.อนันต์จึงได้นำตัวส่งร.ต.ท.นิธิโชติ ปอยชีวะ รอง สว.( สอบสวน) สน.บางเขน เจ้าของคดี เพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะเดียวกัน นางสนธิ์ ใจผา อายุ 54 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร(ขสมก.) ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี
นายอรรถวิทย์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าข่าวที่ลงไปว่าตนโมโหเรื่องขึ้นค่ารถโดยสารไม่เป็นความจริง ตนโมโหจากคำพูดของพนักงานเก็บค่าโดยสารที่ใช้คำพูดไม่สุภาพและน้ำเสียงแข็ง ๆ ห้าว ๆ ว่า “ขึ้นราคาแล้ว” ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดที่ใช้กำลังกับคนรุ่นแม่ ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเป็นฝ่ายผิดจริงๆ ยอมรับเป็นคนอารมณ์ร้อน จากนั้นก็ให้เงินค่าโดยสารเพิ่มจนครบ แต่พนักงานไม่ยอมฉีกตั๋วโดยสารให้ ตนจึงบอกว่าจะนับ 1-3 หากไม่ฉีกตั๋วให้จะตบ จึงเริ่มนับ เหตุการณ์ปรากฎตามคลิป
นายอรรถวิทย์ กล่าวต่อว่า มีข่าวช่องหนึ่งระบุว่าภาพที่ปรากฎว่าตนชี้มือไปหาอีกฝ่ายเพื่อที่จะเข้าทำร้ายหลายครั้งนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ขณะที่มีการชี้มือได้มีการโต้เถียงใช้คำหยาบคาย มีการใส่อารมณ์กัน จนกระทั่งมีพนักงานบริษัทเดียวกันมาห้าม จึงได้ลงจากรถระหว่างทางก่อนถึงป้าย เห็นมีผู้หญิงกำลังถ่ายคลิปจึงเข้าไปถามด้วยอารมณ์โมโห จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหนีไป ตนก็ไม่ได้ตาม จากนั้นจึงเดินไปอีกป้าย เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้านตามปกติ จนกระทั่งปรากฎมีการเผยแพร่คลิปในโลกโซเชียล จึงเข้าปรึกษากับทางสภาทนายความเรื่องการเผยแพร่คลิป ทั้งที่สาเหตุเกิดจากการปัญหาทะเลาะกันส่วนตัว เพราะอารมณ์โมโหจากคำพูดที่ไม่สุภาพทั้งที่เป็นพนักงานที่ทำงานด้านการบริการ ยืนยันเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับข้องกับเรื่องขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางแต่อย่างใด
“ผมใช้กิริยา ทำร้ายร่างกาย และใช้คำพูดรุนแรง คนอื่นเขาก็กลัว แต่เขาไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ มาจากคน 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับราคาค่าโดยสาร ผมไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล เพราะผมเลือกอีกพรรค หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมก็เขียนใบลาออกจากงาน ผมทำแบบนี้สร้างความเสียหายให้องค์กร เพราะผมทำไม่ดี ผมก็รับผิด”นายอรรถวิทย์ ระบุ
ด้านนางสนธิ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุนายอรรถวิทย์ขึ้นรถมานั่งเล่นโทรศัพท์และยื่นเงินจำนวน 6.50 บาท แต่ตนเองได้แจ้งว่าขณะนี้ค่าโดยสารปรับขึ้นเป็น 8 บาทแล้ว ด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ตะคอก แต่นายอรรถวิทย์บอกว่า พูดดี ๆ กับกูก็ได้ กูมีตังค์ กูจะตบมึงนะ จากนั้นนับ 1-3 และตบเข้าที่หน้าทันที ตนจึงยกกระบอกเก็บเงินขึ้นมา นายอรรถวิทย์ได้ขว้างกระบอกเก็บเงินลงพื้น จากนั้น มีคนเข้ามาห้าม แต่นายอรรถวิทย์ขู่ว่า มีมีดคัตเตอร์ และพูดว่าเดี๋ยวกูแทงมึงนะ จากนั้น ผู้โดยสารได้กรูวิ่งลงจากรถ ส่วนการดำเนินคดี ยืนยันตนเองจะไม่ยอมความ ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่น
ด้านร.ต.ท.นิธิโชติ เปิดเผยว่า เนื่องจากนายอรรถวิทย์กระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำ จึงส่งฟ้องศาลแขวงดอนเมืองในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2562 เวลา 09.30 น. นี้
เบื้องต้นนางสนธิ์ ใจผา อายุ 54 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร(ขสมก.) จะไม่ยอมความกับคู่กรณี ให้เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร
ด้านร.ต.ท.นิธิโชติ เปิดเผยว่า เนื่องจากนายอรรถวิทย์กระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำ จึงพิจารณานัด นายอรรถวิทย์ ส่งฟ้องศาลแขวงดอนเมืองในวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2562 เวลา 09.30 น.