เจ๋ง! 'ไบโอแมทริกซ์' จับต่างชาติถือพาสปอร์ตเก๊
"ระบบไบโอแมทริกซ์" ทำงานได้ผล ตรวจจับใบหน้าหนุ่มต่างชาติปลอมพาสปอร์ตมาเลเซีย ขยายผลพบซุกเงินกว่า 5 แสนดอลล่าร์ คาดเกี่ยวพันอาชญากรรมข้ามชาติ อยู่ระหว่างขยายผล
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะโฆษก บก.ตม.2 เปิดเผยว่า วันนี้ทางพล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจาก ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่าน ตม.สุวรรณภูมิ ว่า เมื่อเช้าวันเดียวกัน เวลา 10.30 จนท.ตมขาออก ด่าน ตม.สุวรรณภูมิ พบผู้โดยสารชายชาวเอเชียถือหนังสือเดินทางชื่อนายโอ ชิ บุน สัญชาติมาเลเซีย มาทำการตรวจหนังสือเดินทางผ่านช่องตรวจทดสอบของระบบโครงการไบโอแมทริกซ์ (Biometric) โดยจะเดินทางไปกับสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไล เที่ยวบิน PR731 ไปยังประเทศฟิลิปปินส์ โดยระบบประมวลผลเทียบเคียงใบหน้า facial recognition ของระบบไบโอเมตริกซ์พบว่า ข้อมูลภาพในหน้า Data oage ไม่ตรงกับข้อมูลภาพใน chip หนังสือเดินทาง และภาพถ่ายผู้เดินทาง จากกล้องบันทึกที่ช่องตรวจ ตม. แสดงผลว่า ไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน
ทางพล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เพลิน กิ่งพยอม ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 และ ว่าที่ พ.ต.ต.สมพร บัวหอม สว.กก.สส.ปป.บก.ตม.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน (ชป.2) นำตัวไปทำการสืบสวนขยายผล
จากการซักถามเบื้องต้น ชายคนดังกล่าว ยังยืนยันว่า เป็นบุคคลเดียวกันกับพาสปอร์ต แต่จากการตรวจสอบทางเทคโนโลยี vsc 6000 พบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม นอกจากนั้น ยังพบเงินสด เป็น us dollar ประมาณ 500,000 usd และ มีประวัติการเข้าออกทางด่านชายแดนไทย-เมียนมา ด้วยพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวหลายครั้ง ซึ่งมีการตรวจพบด้วยระบบ biometric ที่สุวรรณภูมิ จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด
ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมและปลอมและใช้ดวงตรารอยตราหรือแผ่นปะตรวจลงตราที่ทำปลอม (ปลอมรอยตราประทับ) และจะทำการขยายผล ถึงจุดประสงค์ และ ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยส่ง พงส. สตม.ดำเนินคดี ขยายผลเครือข่าย ตามนโยบาย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. ต่อไป
สำหรับ Biometric หรือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจบุคคลด้วยเทคโนโลยี Biometrics เป็นโครงการ ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นำเทคโนโลยีชีวภาพ มาใช้ควบคู่กับระบบตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้เทคโนโลยี Biometrics พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ทั้งข้อมูลลายนิ้วมือ finger print และ ข้อมูลใบหน้า facial recognition ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการพิสูจน์ตัวบุคคลเพิ่มขึ้นจากข้อมูลหนังสือเดินทางปกติ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนชื่อ หรือเอกสารเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงข้อมูลเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นการยกระดับการคัดกรองบุคคลเข้าออกราชอาณาจักร เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น โดยได้รับอนุมัติให้ใช้งบประมาณจากค่าธรรมเนียม ตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 2 พันกว่าล้าน ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามกฏหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบการทำงาน ตาม TOR ในงวดงานที่ 4 จาก 6 งวดงาน เพื่อคลอบคลุมการทำงาน ด่านชายแดนทางบก เรือ อากาศ และการตรวจขออยู่ต่อทั่วประเทศต่อไป ตามนโยบายยกระดับขีดความสามารถด้านความมั่นคงของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ