กลุ่มปตท.เข้มธุรกิจปิโตรฯ รีดไขมันรับมือเทรนดวอร์
ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพ-ลดต้นทุน ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายปีนี้ 20-30% จากปีผ่านมาทำได้แล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท รับมือสงครามการค้า ด้าน พีทีที โออาร์ ยันไม่ล้มแผนทำธุรกิจโรงแรมราคาประหยัดในปั๊ม ขอศึกษาโมเดลธุรกิจให้รอบด้าน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที และประธานกรรมการ บริษัท น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีโออาร์ เปิดเผยว่า ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย กลุ่ม ปตท. ปีนี้ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนร่วมกันให้ได้ 20-30% จากปีที่ผ่านมา สามารถดำเนินการร่วมกันทำให้เกิดมูลค่าในส่วนนี้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาทแล้ว เพื่อเป็นการรับมือกับความผันผวนของราคาน้ำมันและผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ส่งผ่านมายังราคาปิโตรเคมี และมาร์จิ้นของธุรกิจขั้นปลายกลุ่ม
โดยปีนี้ ทุกบริษัทในเครือ ปตท.จะต้องร่วมมือกันดำเนินงานอย่างเข้มข้นมากขึ้น ตามแผนงานปฏิบัติการที่เป็นเลิศ (Operational Excellence: OpEx) ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพ และทำให้เกิดการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกัน(synergy) เช่น การวางแผนขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน, การใช้วัตถุดิบภายในกลุ่ม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่างๆ ร่วมกัน ให้บรรลุเป้าหมาย คือ บริษัทในเครือต้องเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกในระดับ Top quartile performance
นายอรรถพล ยังกล่าวถึงความคืบหน้าธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด(Budget Hotel) ในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที โออาร์ ว่า “พีทีที โออาร์” ยังไม่มีแผนยกเลิกโครงการลงทุนธุรกิจโรงแรมราคาประหยัด แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจ ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมให้รอบด้าน เนื่องจากธุรกิจนี้ จะเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่ม ปตท.
เบื้องต้นในส่วนของรูปแบบธุรกิจนั้น ยังมีหลายทางเลือก เช่น การตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมในสถานีน้ำมัน พีทีที โออาร์, การซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจโรงแรม และการร่วมทุนกับผู้ประกอบการ(JV) เป็นต้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า พีทีที โออาร์ ยังคงแนวทางธุรกิจโรงแรมไว้เหมือนเดิม คือจะมีพันธมิตรร่วมลงทุน(พาร์ทเนอร์)ธุรกิจนี้เพียงรายเดียว โดยหากรายละเอียดต่างๆ มีความชัดเจนแล้ว ก็จะสามารถประกาศรายชื่อพันธมิตรในโครงการนี้ได้ รวมถึง พีทีที โออาร์ จะไม่ลงทุนเองทั้งหมด แต่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) มีส่วนร่วมในธุรกิจด้วย