EKH - ซื้อ
แนวโน้มการเติบโตยังไม่เปลี่ยนแปลง
Event
เยี่ยมชมการเตรียมเปิดให้บริการของโรงพยาบาลในส่วนศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่
lmpact
อาคารกุมารเวชแห่งใหม่จะเปิ ดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2562
เราได้ไป site visit EKH เพื่อดูอาคารกุมารเวชหลังใหม่ของโรงพยาบาลซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนาน 1.5 ปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 โดยบริษัทจะเริ่มเปิดให้บริการอาคารกุมารเวชหลังใหม่ (5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวม 7,200 ตร.ม.) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลเดียวกันในเดือนหน้า โดยจะมีขนาด 60 เตียง (เพิ่มจากปัจจุบันที่รองรับผู้ป่วยได้ 80 เตียง) ซึ่งอาคารหลังใหม่นี้ใช้เงินลงทุนรวม 280 ล้านบาท คิดเป็นค่าเสื่อมราคาประมาณไตรมาสละ 5 ล้านบาทเมื่อเปิดใช้งานเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานของ EKH ใน 1Q62 ศูนย์ผู้ป่วยฉุกเฉิน และกุมารเวชทำรายได้ให้บริษัทมากเป็นอันดับที่หนึ่งและสองในสัดส่วน 23.95%และ 22.54% ของรายได้รวม ตามลำดับ ส่วนอันดับที่สามได้แก่บริการ IVF ที่ 15.77% ซึ่งเมื่อพิจารณาแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี FY62F แล้ว เราคาดว่ารายได้จากการให้บริการรักษาพยาบาลทั่วไปของEKH (non-IVF) จะเพิ่มขึ้น 18.3% YoY ในขณะที่คาดว่ารายได้จากศูนย์กุมารเวชจะอยู่ที่ 183.5 ล้านบาทคิดเป็น 23% ของรายได้รวม ซึ่งสะท้อนว่ารายได้จากศูนย์กุมารเวชจะโต YoY ในอัตราที่เร็วกว่าเดิมเนื่องจากรายได้ส่วนนี้คิดเป็นแค่ 20.4% ของรายได้รวมใน FY61 เท่านั้น
คาดว่าธุรกิจ IVF จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุด
สำหรับในปี 2562F เรายังคงคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการ IVF เฉลี่ย 300 ราย โดยอิงจากเป้ าของบริษัท เรายังคงมองแนวโน้มการเติบโตของบริการของ IVF ของ EKH ในช่วงที่เหลือของปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมว่าจะมีผู้มาใช้บริการเดือนละ 25 ราย แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าอุปสงค์จากผู้ใช้บริการ IVF ชาวจีนจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากอัตราการประสบความสำเร็จที่สูงถึงประมาณ 60% เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของทั้งโลกที่ 30-40%
คงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เอาไว้ที่ 159 ล้านบาท (+35.9% YoY) และปีหน้าที่ 177 ล้านบาท (+11.3% YoY) โดยเราคาดว่ารายได้ในปี FY62-63F จะอยู่ที่ 798 ล้านบาท (+25.0% YoY) และ 877 ล้านบาท (+10.0% YoY) ตามการเติบโตของรายได้จากค่ารักษาพยาบาลและบริการ IVF
Valuation & Action
เรามองว่า EKH ยังเป็นหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลทั้งในแง่ของอัตรากำไร, การเติบโตและราคาหุ้น โดยราคาหุ้น EKH วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 31.5% YTD ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง และ ราคาที่ไม่แพง (เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปีFY62 ที่ 8.20 บาท (WACC ที่ 9%, TG ที่ 3%)
Risks
การแทรกแซงของรัฐบาล, เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่