'สุริยะ' เห็นชอบ กนอ. ศึกษาแผนถมทะเล 3 พันไร่ รับลงทุนเอ็กซอน โมบิล
“สุริยะ” เห็นชอบ กนอ. ศึกษาแผนถมทะเล 3 พันไร่ ตั้งโรงงานปิโตรเคมีเอ็กซอน โมบิล – อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง คาด 6 เดือนได้ข้อสรุป
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.62 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่า ความคืบหน้าการศึกษาพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ในโครงการปิโตรเคมีส่วนขยายในพื้นที่บริเวณท่าเรือแหลมฉบังมูลค่ากรลงทุนกว่า 3.3 แสนล้านบาท กนอ. ในขณะนี้พื้นที่นิคมฯในแหลมฉบังเต็มหมดแล้วไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อีกทางเอ็มซอนโมบิลฯ จึงได้เสนอถมทะเลในบริเวณที่ติดกับโรงกลั่นน้ำมันของเอ็กซอนโมบิล เนื่องจากโรงงานปิโตรเคมีที่จะตั้งขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากโรงกลั่นน้ำมันของเอ็กซอนโมบิลเดิมจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ติดกัน จึงจะต้องทำการถมทะเลในส่วนนี้
โดย กนอ. มองว่าควรจะถมทะเลประมาณ 3 พันไร่ แบ่งเป็นการตั้งโรงงานปิโตรเคมีของเอ็กซอนโมบิล 1.5 พันไร่ และเป็นพื้นที่ให้กับ สนอ. เพื่อพัฒนานิคมฯสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงอีก 1.5 พันไร่ ซึ่งได้ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ความคุ้มค่าการลงทุน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบในด้านอื่นๆ โดยจะศึกษาเสร็จภายใน 6 เดือน นับจากเดือนส.ค.นี้ หากผลศึกษาพบว่าโครงการมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุน กระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อย ก็ควรจะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด จากมูลค่าเศรษฐกิจ การจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูง แต่หากผลศึกษาพบว่าไม่มีความคุ้มค่าก็จะต้องยกเลิกโครงการนี้
“ในทุกโครงการลงทุนมีทั้งผลบวกและลบ แต่หากมีผลด้านบวกสูงมาก และสามารถบริหารจัดการให้มีผลกระทบน้อยที่สุด ก็ควรจะเดินหน้าโครงการต่อไป โดยในเนื่องการถมทะเลนั้นในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งไทยก็ได้ดำเนินการมานานแล้ว และในปัจจุบันเทคโนโลยีการถมทะเลมีความก้าวหน้ามาก จึงมองว่าน่าจะไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมมากนัก”
ส่วนรูปแบบการถมทะเลจะมีทั้งการให้ กนอ. เป็นผู้ถมทะเลเอง และร่วมลงทุนกับภาคเอกชน ซึ่งกฎหมายระบุชัดว่าต้องให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ถมทะเลเอง ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆภาคเอกชนจะเป็นผู้รับผิดชอบ