EKH - ซื้อ
จิ๋วแต่แจ๋ว
Event
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่กลางปี 2563
lmpact
ผลประกอบการ 1H62: แข็งแกร่งมาก
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY62-63F ขึ้นอีก 1.1% และ 3.8% เนื่องจากเราปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้, margin และสัดส่วน SG&A/รายได้ของ EKH ขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 161 ล้านบาท (+37.4% YoY) และปีหน้าจะอยู่ที่ 184 ล้านบาท (+14.3% YoY) โดยเราได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปีนี้เป็น 823 ล้านบาท (+29.0% YoY) และปีหน้าเป็น 922 ล้านบาท (+12.0% YoY) ตามการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากบริการรักษาพยาบาลทั่วไป และบริการ IVF ทั้งนี้ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2562-63F จะเพิ่มขึ้นเป็น 44.0% และ 44.5% จากเดิมที่ 43.5% และ 44.0% ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนจากการรักษาโรคในส่วนของโรงพยาบาลทั่วไปที่เติบโตดีกว่าคาด นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดรายได้ ในปี FY2562-63 ขึ้นเป็น 22% จากเดิมที่ 21.0% เนื่องจากมีการขยายศูนย์ IVF และกุมารเวช
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ EKH ใน 1H62 อยู่ที่ 82 ล้านบาท (+85.2% YoY) ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งมากสำหรับไตรมาสที่หนึ่งและสอง ซึ่งปกติแล้วผลประกอบการจะไม่หวือหวา โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนกำไรในครึ่งแรกของปีนี้ได้แก่ i) การรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากบริการ IVF (จากที่ยังไม่เปิดให้บริการ IVF ใน 1H61) และ ii) รายได้จากการให้บริการโรงพยาบาลทั่วไปยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ได้แก่ ศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน, ศูนย์กุมารเวช, ศูนย์สูติ-นรีเวช)
รายได้จากบริการ IVF จะยังคงแข็งแกร่งใน 2H62 และในปี 2563
ตามประมาณการของเรา บริษัทจะมีผู้มาใช้บริการ IVF ในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 93.5% YoY เป็น 300 รายในปีนี้ (เท่ากับเดือนละ 25 ราย) ทั้งนี้ รายได้จากบริการ IVF คิดเป็น 15% ของรายได้ของโรงพยาบาลใน 1H62 เราคาดว่ารายได้จากบริการ IVF ของ EKH ในปี FY62-63F จะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านบาท (+84.3% YoY) และ 160 ล้านบาท (+33.3% YoY) คิดเป็น 15% และ 17% ของประมาณการรายได้ปี FY62-63F ของเรา โดยเราใช้สมมติฐานราคาเฉลี่ยต่อรายที่ 400,000 บาทในช่วงปี 2562-63F ลดลงจาก 420,000 บาทในปี 2561 เรามองว่าจะมีผู้ใช้บริการชาวจีนมาใช้บริการคลีนิค IVF ของ EKH มากขึ้นจากอัตราการประสบความสำเร็จที่สูงถึงประมาณ 60% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งโลกที่ 30-40%
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 ที่ 8.70 บาท (หลังจากปรับประมาณการกำไรปี 2562-63F และปรับลดสมมติฐาน risk-free rate ลงจาก 3.7% เหลือ 3.1%) จากเดิม 8.20 บาท เรายังคงเลือก EKH เป็นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลจากอัตรากำไรที่โดดเด่น การเติบโต และราคาหุ้น ทั้งนี้ ราคาหุ้น YTD ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 50.9% มาถึงจุดสูงสุดที่ 8.15 บาท ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่ถูกกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
Risks
การแทรกแซงของรัฐบาล, ปัญหาเสถียรภาพการเมืองรอบใหม่ของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่