ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเปิดด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ออกไปอีก 9 เดือน

ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเปิดด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ออกไปอีก 9 เดือน

ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเปิดด่านสะเดา - บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง สำหรับขนส่งสินค้าข้ามแดนไทย - มาเลเซีย ออกไปอีก 9 เดือน ให้ครบระยะเวลา 1 ปี หลังทดลองแล้ว 3 เดือน แต่ผู้ประกอบการเสนอให้ขยายเวลาเพื่อให้สามารถวางแผนธุรกิจได้สอดคล้องกับการเปิดด่านมากขึ้น

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาทดลองเปิดด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย 24 ชั่วโมง สำหรับการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เพิ่มเติมอีก 9 เดือน จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาในการเปิดด่าน 24 ชั่วโมงไว้ 3 เดือนและสิ้นสุดในวันที่ 16 ก.ย.2562 ที่ผ่านมาให้ขยายระยะเวลาทดลองเปิดด่านดังกล่าว 24 ชั่วโมงออกไปจนถึงวันที่ 16 มิ.ย.2563 รวมเป็นระยะเวลา 1 ปี


ทั้งนี้การขยายระยะเวลาทดลองเปิดด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม 24 ชั่วโมง ออกไปอีก 9 เดือน ยังจำกัดสำหรับการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ส่วนการเดินทางของประชาชนที่จะจรผ่านแดน หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ยังคงจำกัดเวลาไว้ตามเดิม ซึ่งเป็นไปตามมติการประชุมร่วมกันระหว่างคณะทำงานประเมินผลการทดลองขยายเวลาด่านศุลกากรสะเดา – บูกิตกายูฮิตัม ระหว่างไทย – มาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในแนวทางการเปิดทดลองขยายเวลาด่านฯ เพิ่มเติม เป็นระยะเวลา 9 เดือน จากระยะทดลองเดิม 3 เดือน เพื่อให้การทดลองมีระยะเวลาครบ 1 ปี โดยที่ประชุมฯได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปออกประกาศที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาเปิดด่านฯดังกล่าว 24 ชั่วโมงต่อไป


“ได้มีการพิจารณาถึงข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการที่ขนสินค้าผ่านด้านฯที่ระบุว่าการทดลองเปิดด่านฯ24ชั่วโมงเพียง 3 เดือน มีข้อจำกัดและอุปสรรคในการขนส่งสินค้าข้ามแดนเนื่องจาก ระยะทดลองเพียง 3 เดือน เนื่องจากห้วงเวลาดังกล่าวถือเป็นระยะเวลาที่สั้น จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับแผนการขนส่งสินค้า ให้รองรับระยะเวลาทดลองขยายเวลาด่านฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การการกำหนดให้มีการเปิดทดลองขยายเวลาด่านฯ ในระยะยาว จะช่วยให้ทราบความถี่ที่แท้จริงของการใช้บริการด่านศุลกากรสะเดา และทำให้ได้รับผลการประเมินการทดลองขยายเวลาด่านฯ ที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย”