ดีเอสไอนัดลงมติปิดคดี 'บิลลี่' 19 ก.ย.

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมติดตามผลการสอบสวนคลี่คลายคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ว่า ในวันนี้ (17 ก.ย.) เป็นเพียงการประชุมพนักงานสอบสวนชุดเล็ก เพื่อประมวลภาพรวมในสำนวนคดี ก่อนนำเข้าสู่การประชุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเต็มคณะ ร่วมกับอัยการจากสำนักการสอบสวน และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษ โดยที่ประชุมจะร่วมกันตรวจสอบและลงความเห็นว่าสำนวนคดียังขาดข้อมูลหลักฐานในประเด็นใดอีกบ้าง หรือสำนวนคดีมีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอแล้ว เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

“การหายตัวและการเสียชีวิตของบิลลี่ผ่านมานานหลายปี การผูกรูปคดีจึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยหลักฐานสำคัญคือผลการตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนกระดูก ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร และวัตถุพยานต่างๆที่บรรจุอยู่ภายในถัง ซึ่งขณะนี้วัตถุพยานต่างๆยังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์” อธิบดีดีเอสไอกล่าว

เมื่อถามว่าขณะนี้พยานหลักฐานเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวกลุ่มคนร้ายได้หรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ก็มีมากพอสมควร แต่เพื่อความรัดกุม ต้องมีการสอบเพิ่มเติม อีกทั้งต้องรอความชัดเจนจากพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย ทังนี้เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย และเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนดีเอสไอได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการชำแหละรถจักรยานยนต์ของบิลลี่ อักษรย่อ ด. ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลพิกัดการทิ้งซากรถจักรยานยนต์ สำหรับกลุ่มผู้ต้องหา 4 ราย ที่อยู่ในข่ายจะถูกออกหมายเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งก่อนหน้านี้หายตัวไป 1 ราย ล่าสุดได้รับรายงานว่าบุคคลดังกล่าวได้ปรากฎตัวและกลับมาทำงานตามปกติแล้ว

สำหรับข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งดำเนินคดียังเป็นข้อหาใน 8 ฐานความผิด ดังนี้ 1 ฆ่าคนตาย 2 ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว่ก่อน 3 ย้าย ซ่อนเร้น ทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย 4 ไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิ หรือเถ้าของศพ 5 ผู้ใดกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น 6 ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 7 หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและ 8 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ