รมว.กษ. เร่งผลักดันเกษตรอินทรีย์ หลังถูกวิจารย์อย่างหนัก จุดยืนไม่ชัดเจนไม่เอาสารพิษเกษตร
ที่ประชุม 4 ฝ่าย ลงมติให้แบนสารพิษเกษตร ก่อนเสนอเข้าคณะกรรมการวัตถุอันตรายปลายเดือนนี้
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัด เร่งขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเร่งด่วนเพื่อรองรับการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและแมลง 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ที่ถูกเรียกร้องจากภาคประชาสังคมมากว่า 2 ปี
โดย รมว. เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งส่งเสริมการใช้สารชีวภาพทดแทนสารพิษเกษตรดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้สั่งการให้ทางกระทรวงฯ รวบรวมมาให้ได้มากที่สุด โดยให้ศูนย์วิจัยข้าวพืชไร่พืชสวนใช้ทดสอบในแปลงทดลองทุกภาคทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ทางรมว. กษ. จะเสนอร่างพรบ.เกษตรกรรมยั่งยืน ต่อสภาผู้แทนฯ โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวที่กระทรวงเกษตรฯ เสนออยู่ในชั้นกฤษฎีกาแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเข้าสภาผู้แทนฯ ต่อไป รมว. เฉลิมชัยกล่าว
และทางกระทรวงเกษตรฯ ยังมีแผนที่จะยกระดับการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย มีพื้นที่เกษตรยั่งยืน 3 ล้านกว่าไร่ และจะให้ขยายเป็น 5 ล้านไร่ในเฟสที่หนึ่งโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ สามารถขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองออการ์นิคได้ถึง 570,000 ไร่ มีอัตราเติบโตร้อยละ 16 ต่อปี เป็นอันดับ 7 ของเอเซีย รมว. เฉลิมชัยกล่าวเพิ่มเติม
โดย รมว. เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ทางกระทรวงฯ วางเป้าหมายว่าต้องเติบโตขยายตัวร้อยละ 25 ต่อปี เพื่อบรรลุเป้าหมายแรก 1 ล้านไร่ และกำลังพิจารณาจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติเป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน
“ผมห่วงใยต่อสุขภาพของเกษตรกรไทยที่ใช้สารเคมีอันตรายรวมถึงคนไทยทั้งประเทศที่บริโภคพืชผักผลไม้ที่มีสารอันตรายตกค้าง จึงมีนโยบายแบนห้ามใช้สารพิษ 3 ชนิดนี้ และมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มนัญญา รับผิดชอบเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น และจะไม่ยอมให้คนไทยตายผ่อนส่งอีกต่อไป
“จุดเปลี่ยนครั้งนี้สำคัญต่ออนาคตภาคเกษตรและอาหารของประเทศ จึงต้องมีมาตรการและแผนรองรับตอบโจทย์ทั้งระยะเฉพาะหน้าและระยะยาวตามแนวทางของท่านนายกรัฐมนตรี” รมว.เฉลิมชัยกล่าว
ก่อนหน้านี้ รมว.เฉลิมชัยถูกเครือข่ายต่อต้านสารพิษเกษตรวิพากษวิจารณ์อย่างหนักหลังแสดงจุดยืนไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการแบนสารพิษเกษตร โดยไม่ทำให้เกิดความชัดเจนว่าทางกระทรวงฯ จะแบนสารพิษดังกล่าว โดยกล่าวแต่เพียงว่า ตนไม่สนับสนุนการใช้สารพิษกลุ่มนี้ ทำให้ทางเครือข่ายฯไม่พอใจ และต้องการพบปะรัฐมนตรีที่พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรคที่ประกาศไม่เอาสารพิษดังกล่าว
จากนั้น นายเฉลิมชัยจึงเปลี่ยนท่าทีที่ชัดเจนขึ้น พร้อมทั้งย้ำว่า ตนเองไม่สนับสนุนการใช้สารพิษเหล่านี้มาโดยตลอด และได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยฯ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ดำเนินการ และเพื่อให้เกิดความชัดเจน จึงออกมาย้ำนโยบายของกระทรวงฯ อีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า โดยพร้อมที่จะแบนสารพิษดังกล่าว ซึ่งในทางนโยบาย ถือว่าเรื่องนี้มีความชัดเจนแล้ว
ในการประชุม 4 ฝ่าย ได้แก่ ส่วนรัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร และผู้บริโภค ที่กระทรวงเกษตรฯ วานนี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะกกรมการวัตถุอันตรายครั้งต่อไป รมว. ช่วยฯ มนัญญา ได้เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในที่ประชุมวานนี้ว่า ที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการใช้คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเซต โดยให้เปลี่ยนจากสารวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นสารวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 และให้ยกเลิกใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากมีข้อมูลในเชิงประจักษ์ว่าสารทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
สำหรับผลสรุปจากการพิจารณาความคิดเห็นของทั้ง 4 ฝ่าย ตนจะรวบรวมนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อทราบต่อไป รวมทั้งเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย วันที่ 27 ตุลาคม 2562 นี้ โดยผู้แทนของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะเข้าไปเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย ได้แสดงจุดยืนที่จะขอให้มีการลงมติโหวตอย่างเปิดเผยเพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย” รมว. ช่วยฯ มนัญญากล่าว
“เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมุ่งหวังให้วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นวันที่ประเทศไทยปลอดสารพิษ คนไทยจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารบริโภคอย่างปลอดภัย ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่า
“ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 จะต้องไม่มีการใช้ 3 สารอันตรายดังกล่าวในประเทศไทยอีกต่อไป โดยร้านค้าที่มีสารดังกล่าวจำหน่าย จะต้องส่งคืนให้แก่บริษัททั้งหมด” รมว. ช่วยฯ มนัญญากล่าว