ปธ.กกต.เผยเลือกตั้งซ่อมนครปฐมเข้มข้น ยังไม่ถึงขั้นดุเดือด เตรียมพร้อมแก้ไขทุกจุดบกพร่อง ระบุสัปดาห์หน้าคณะอนุกรรมการฯพิจารณา เงินกู้ “ธนาธร” ปัดตอบปมทางการจีนตำหนินักการเมืองไทยจุ้นแบ่งแยกฮ่องกง
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในเขต 5 นครปฐมว่า บรรยากาศการหาเสียงเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ไม่ถือว่าดุเดือด ที่ผ่านมากกต.ก็ได้ตั้งชุดหาข่าวและคณะไต่สวนเตรียมไว้เรียบร้อยกรณีหากมีเรื่องร้องเรียน แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่ากังวล ทางกกต.ยังได้ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มาก โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต.ได้ไปตรวจเยี่ยมสำนักงานกกต.นครปฐม เพื่อดูการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งนี้
กกต.ได้เน้นย้ำเพิ่มความระมัดระวังจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. เช่น เรื่องไฟดับแม้จะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีแต่ครั้งนี้ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ส่วนเรื่องเอกสารและความแม่นยำในการรวมผลคะแนนและกรอกในเอกสารก็ได้มีการชักซ้อมไว้แล้ว
นายอิทธิพร กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคำร้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191 ล้านบาทว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ในการประชุมกกต.ได้พิจารณากัน แต่เห็นว่าเพื่อให้เกิดความรอบคอบและถูกต้องตามขั้นตอนจึงได้ให้ส่งสำนวนให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาและข้อโต้แย้งของสำนักงานฯพิจารณา ทราบว่าคณะอนุกรรมการฯจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามเรื่องร้องเรียนขณะนี้มี 584 เรื่อง พิจารณาไปแล้ว 437 เรื่อง คงเหลือเรื่องที่ต้องพิจารณาอีก 147 เรื่อง เรื่องที่มีการวินิจฉัยแล้วก็มีเผยแพร่ทางเว็ปไซต์กกต.ทุกวัน เราจะพยายามทำให้เสร็จไม่ชักช้า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กกต.ยังไม่ได้มีมติที่จะเสนอศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งต่อศาลเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่มีมติเสนอให้มีการเลือกตั้งใหม่เขต5 สมุทรปราการที่นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ได้รับเลือกตั้งส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กกต.ยังยกร่างคำฟ้องไม่เสร็จสิ้นจึงยังไม่ได้ส่งศาลฎีกา
เมื่อถามถึงกรณีทางการจีนออกมาตำหนินักการเมืองไทยที่สนับสนุนแกนนำกลุ่มแบ่งแยกฮ่องกง กกต.จะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนได้ทราบข่าวจากสื่อ ทางสำนักงานก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ถ้าเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าข้อกฎหมายที่ กกต.รับผิดชอบ สำนักงานก็จะเสนอว่ามีมูลความผิดหรือไม่ จำเป็นที่กกต.ต้องตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบ ส่วนตนเองต้องศึกษาเพราะ ข้อเท็จจริงที่ได้ยังไม่ครบถ้วนจะให้ตอบว่าผิดหรือไม่ผิดเลยก็จะเป็นความเห็นของคนๆเดียว ซึ่งจริงๆต้องมีการประชุม กกต.พิจารณา และเห็นว่ากกต.ไม่จำเป็นต้องสั่งสำนักงานฯดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ เพราะสำนักงานย่อมตระหนักดีถึงอำนาจหน้าที่ของตนเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-จีนวิจารณ์นักการเมืองไทยติดต่อกลุ่มเคลื่อนไหวฮ่องกง
-ม็อบฮ่องกงเดินหน้าประท้วงต่อวันนี้
-สนามบินฮ่องกงวอนม็อบหยุดประท้วง
-จีนลดท่าทีแข็งกร้าวชุมนุมประท้วงฮ่องกง
-นักลงทุนจีนแห่ซื้อหุ้นฮ่องกงไม่หวั่นประท้วง
-เตือนคนไทยในฮ่องกงระวังประท้วงรอบใหม่