'ปิยบุตร' ซัด 'บิ๊กแดง' โต้4ปมร้อน จวกหวังครองอำนาจ-พาชาติติดหล่ม
เลขาธิการฯอนาคตใหม่ แถลงซัด "บิ๊กแดง" ผบ.ทบ. โต้4ปมร้อน จวกหวังครองอำนาจ-พาชาติติดหล่ม ลั่นยอมรับเป็นซ้ายจัดดัดจริต แต่แค่ศึกษาประวัติศาสตร์ หวังแก้ไขสถานการณ์ในประเทศ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการ พรรคอนาคตใหม่ แถลงที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ เพื่อตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อประเด็นต่างๆ ระหว่างการบรรยายพิเศษ หัวข้อแผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง ทั้งนี้แม้ในระหว่างการบรรยายจะไม่ กล่าวถึงนักการเมืองหรือพรรคการเมืองแต่เข้าเชื่อว่าหมายถึงพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำในพรรค อาทิ ตน หรือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าสิ่งที่พล.อ.อภิรัชต์กล่าวบรรยายนั้นสะท้อนถึงวิธีคิดของผบ.ทบ. และกองทัพไทย ที่จะทำให้เกิดความแตกแยกกับคนในชาติ
สอนแนวสร้างชาติ ต้องพึ่งปชช.
นายปิยบุตร ใช้การแถลงข่าวเพื่อตอบโต้ในลักษณะของการบรรยายในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย เพื่อสะท้อนบทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ โดยมีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า การสร้างชาติต้องสร้างจิตสำนึกร่วมกันของคนไทย ทั้งนี้ความเป็นชาติไทยเพิ่งถูกสถาปนาผ่านการเขียนประวัติศาสตร์ของนักประวัติศาสร์ ผ่านการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ อย่างไรก็ตามการสร้างชาติตนมองว่าต้องสร้างชาติในยุคปัจจุบันคือ การถอดองค์อำนาจออกจากตัวบุคคล มาให้กับประชาชน หากต้องการให้คนในชาติยุคปัจจุบันมีจิตสำนึกร่วมกันต้องสร้างประชาชน เพื่อให้ประชาชนสร้างชาติ เมื่อประชาชนเป็นผู้สร้างชาติคนที่รวมตัวกันจะเกิดจิตสำนึกร่วมกัน เคารพ และเสียสละเพื่อสร้างชาติ ดังนั้นชาติจึงเท่ากับประชาชน หากไม่มีประชาชนจึงไม่มีชาติ หากประชาชนไม่ถูกสร้างและมีจิตสำนึกจะไม่มีวันสร้างชาติได้ ทั้งนี้ตนมองว่าชาติต้องเป็นของคนไทยทุกคน ที่ทุกคนเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เคารพความเสมอภาค ในสิทธิ เสรีภาพ รวมถึงเคารพความแตกต่างและหลากหลาย
“การสร้างชาติยุคปัจจุบัน ต้องอาศัยคุณค่าพื้นฐาน คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค การอาศัยพึ่งพา เคารพความแตกต่างและหลากหลายของผู้อื่น ทั้งนี้ผมขอชวนคนไทยฐานะประชาชนที่แม้ความเห็นแตกต่าง หรือทะเลาะ ขัดแย้ง หรือสนับสนุนฝ่ายการเมืองที่ต่างกัน ร่วมกันสร้างชาติและแผ่นดินของเราด้วยการเคารพความเป็นคนของผู้อื่น ยึดมั่นสิทธิเสรีภาพ เคารพความแตกต่างของบุคคลอื่น หากทำได้เชื่อว่าจะเกิดแผ่นดินของคนไทยและของเราทุกคน เพื่อให้เกิดความมั่นคงของประชาชน ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นความมั่นคงของรัฐ” นายปิยบุตร กล่าว
ย้อนคนมีปากกากับคนมีอาวุธใครละเมิดม.1กว่ากัน
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดเงื่อนไขการแก้ไขได้ทุกหมวด ทุกมาตรา แต่มีเงื่อนไขที่เขียนไว้ในมาตรา 255 และมาตรา 256 ที่ระบุว่าห้ามแก้ไข อาทิ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนรูปของรัฐ การปกครอง ดังนั้นมาตรา 1 สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องไม่มีผลที่ทำให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเปลี่ยนรูปของรัฐ การปกครองประเทศ ดังนั้นสิ่งที่ ผบ.ทบ. ระบุว่ามาตรา 1 แก้ไขไม่ได้ จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นความพยายามที่จะทำลายความชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเงื่อนไขและกติกาที่กำหนดไว้
“ไม่มีทางที่ส.ส. จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเกินกรอบ ผมขอคิดให้ดี ระหว่างคนที่มีปากกา มีปาก มีมือ กับคนที่มีอาวุธ ใครกันแน่ที่ละเมิดมาตรา 1 เพราะที่ผ่านมา คณะรัฐประหารที่เข้ามาและฉีกรัฐธรรมนูญ เขามีโอกาสมากกว่าที่จะแก้ไขมาตรา 1 เพราะการฉีกรัฐธรรมนูญคือการสร้างสูญญากาศ” นายปิยบุตร กล่าว
“กองทัพ-สื่อดาวสยาม-รัฐบาลสืบทอดอำนาจ” พาชาติพ้นวิกฤต
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวด้วยว่า หากกองทัพต้องการมีบทบาททางการเมืองและครองอำนาจต่อไป ต้องทำให้ประเทศมีวิกฤตตลอดเวลา เพื่อให้มีบทบาทในการแก้ไขวิกฤต เช่น กรณีการประดิษฐ์วาทะกรรมว่าด้วยการล้างสมองคนรุ่นใหม่ สำหรับในบทเรียนที่ผ่านมา จะพบคำว่าวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย ที่มีการเลือกตั้ง มีวิกฤตการเมือง และรัฐประหาร ทั้งนี้ตนมองว่าวงจรอุบาทว์รูปแบบใหม่ คือ การตัดตอนหรือหยุดยั้งประชาธิปไตยด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร
อย่างไรก็ตามกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ หรือ ไฮบริด วอร์แฟร์ นั้น ในต่างประเทศ กลับมองประเทศไทย ว่า เป็น ระบอบลูกผสม หรือ ไฮบริด รีจีม ที่มีสาระสำคัญ คือ ใช้ระบบเลือกตั้งเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ผบ.ทบ. ระบุถึงวอร์แฟร์ นั้นในเทรนด์ของโลก มีการพูดถึง ลอว์แฟร์ คือการใช้กฎหมายเพื่อทำลายคนเห็นต่างและคู่ต่อสู้ทางการเมือง อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าหากต้องการให้ประเทศพ้นวิกฤต ไม่สามารถฝากความหวังไว้กับคน 3 กลุ่ม คือ กองทัพ, รัฐบาลสืบทอดอำนาจ และ สื่อมวลชนที่ยุยงปลุกปั่น ที่ลักษณะคล้ายกับดาวสยาม แต่เป็นยุค 4.0
“ผมไม่เถียงที่ผบ.ทบ. คิดว่าพวกเราเป็นซ้ายจัดดัดจริต ชอบปฏิวัติ แต่ผมศึกษาประวัติศาสตร์ทั่วโลก เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเจอสถานการณ์แบบนั้น ทั้งนี้ผมมองว่าการเปลี่ยแปลงแปลงในโลก มี 2 แบบคือ ปฏิวัติและปฏิรูป ซึ่งพรรคอนาคตใหม่พร้อมปฏิรูปประเทศไปพร้อมกับ ผบ.ทบ.ทั้งนี้ ขอเชิญชวน ทหาร กองทัพ และชนชั้นนำ เลิกการสร้างศัตรูในใจ หรือมองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ซึ่งปรากฎการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคือ การเมืองของคนหนุ่มสาวที่ตื่นรู้ อย่ามองว่าเป็นเพราะถูกยุยงปลุกปั่น เพราะวิธีคิดที่ว่ามีมาสเตอร์มายด์อยู่เบื้องหลัง คือไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา ทั้งนี้ขอกองทัพอย่ากังวลใจกับพรรคอนาคตใหม่ แกนนำพรรค หรือคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ แต่ต้องเข้าใจว่านี่คือการเมืองยุคใหม่” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าว
ซัด “บิ๊กแดง” บรรยายสร้างความแตกแยก
นายปิยบุตร กล่าวตอนท้ายด้วยว่าตนมองว่าการบรรยายของ ผบ.ทบ.เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ไม่เป็นผลดี และเป็นการตอกลิ่มสร้างความแตกแยก แล้วปกครอง ทั้งนี้การสร้างภาวะให้เหมือนกับยุคสงครามเย็น เพื่อให้ทหารเข้ามาปกครองประเทศ ทั้งนี้เนื้อหาการบรรยายของ ผบ.ทบ. แสดงให้เห็นว่าไม่เข้าใจการเมืองยุคใหม่ เพราะเป็นการบรรยายที่สร้างความเกลียดชัง สร้างศัตรู และกระตุ้นให้เกิดการแตกแยกระหว่างรุ่น หรือ แคลช ออฟ เจเนอร์เรชั่น ซึ่งตนมองว่าเป็นประเด็นที่ต้องปฏิรูปกองทัพ ทั้งนี้ขอให้ ผบ.ทบ. ยอมรับความจริง และพูดคุยกันร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตในชาติขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่นายปิยบุตร บรรยายนั้นมีชายสูงวัย ได้พูดขึ้นเพื่อซักถามรายละเอียดหลายครั้ง จนทำให้ประชาชนที่ร่วมฟังการบรรยายไม่พอใจและขอให้ออกจากห้องบรรยายพร้อมตะโกนด่าทอว่า “ไร้มารยาท" จากนั้นมีการคุมตัวออกจากห้อง ทั้งนี้นายปิยบุตรอนุญาตให้นั่งฟังในห้องได้ด้วยความเรียบร้อย และอย่าพูดแทรกระหว่างบรรยาย ทำให้ชายคนดังกล่าวกลับมานั่งฟังบรรยายด้วยความสงบ และได้ตั้งคำถามหลังจากที่นายปิยบุตรจบการบรรยาย.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ปิยบุตร' ท้านายกฯรับผิดชอบปมถวายสัตย์
-'เสรีรวมไทย-ปิยบุตร' รอด กกต.ยกคำร้องอ้างโพสต์ใส่ร้าย
-'ปิยบุตร' ซัด 'ประยุทธ์' ไม่แยแสรัฐธรรมนูญ
-'ปิยบุตร' โต้ผบ.ทบ.ปมเฟกนิวส์ ยันอนค.ไม่คิดเป็นศัตรูกองทัพ