สหรัฐ-อังกฤษร่วมปกป้องซากเรือ‘ไททานิก’
อังกฤษชื่นชมสนธิสัญญาฉบับใหม่ที่ทำกับสหรัฐ คุ้มครองซากเรือไททานิกให้พ้นจากความเสียหายฝีมือนักสำรวจและนักท่องเที่ยว
เรือไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ล่มลงเมื่อปี 2455 มีผู้เสียชีวิต 1,500 คน ซากเรือจมลึกใต้ผิวน้ำ4 กิโลเมตรห่างจากนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดาไปทางใต้ราว 685 กิโลเมตร
แต่มีความกังวลมากว่าจะมีคนลงไปขโมยข้าวของ ทิ้งขยะ หรือวางป้ายไว้อาลัยผู้เสียชีวิต
ล่าสุดสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างถ้อยแถลงนางนูสรัต กานี รัฐมนตรีการขนส่งและทะเลอังกฤษ ระบุ สหรัฐและอังกฤษผ่านกฎหมายให้อำนาจสองประเทศออกใบอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึงตัวเรือ และขนย้ายวัตถุที่พบภายนอกเรือ
ทั้งนี้ อังกฤษลงนามในสนธิสัญญาคุ้มครองเรือไททานิกตั้งแต่ปี 2546 แต่สหรัฐไม่ยอมให้สัตยาบัน จนกระทั่งสิ้นปี 2562 สนธิสัญญาจึงเพิ่งมีผลบังคับใช้ถือเป็นความก้าวหน้าในความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่พยายามปกป้องเรือลำนี้
เรือไททานิกต่อโดยบริษัทฮาร์แลนด์แอนด์โวลฟ์ เคยเป็นเรือลำใหญ่และทันสมัยที่สุดในยุคนั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจม
ไททานิกเดินเรือเที่ยวปฐมฤกษ์จากท่าเรือเซาท์แธมป์ตันของอังกฤษเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2455 บรรทุกผู้โดยสารราว 2,224 คนมุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก แต่ไม่มีโอกาสเดินทางไปถึงเมื่อไปชนภูเขาน้ำแข็งจนเรือแตกแล้วจมลงสู่ก้นมหาสมุทร
ซากเรือถูกค้นพบเมื่อเดือน ก.ย.2528 ตั้งแต่นั้นหลายประเทศเจรจาทำข้อตกลงนานาชาติเพื่อคุ้มครองเรือ ที่มียูเนสโกดูแลอยู่ด้วย