หั่นเป้าต่างชาติเที่ยวไทย วูบ 5 ล้านคนเซ่นพิษ 'โคโรนา'
การระบาดของไวรัสโคโรนากระทบธุรกิจท่องเที่ยวไทย ที่มีจีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทยทั้งในเชิงปริมาณและรายได้ จากผลกระทบดังกล่าวทำให้ล่าสุดททท.ได้ ปรับเป้าหมายการท่องเที่ยวไทยในปี 2563 ใหม่ ลดเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติลง 5 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า วานนี้ (6 ก.พ.) ททท.ได้ปรับลดเป้าหมายไทยสร้างรายได้ท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศรวมเหลือ 2.91 ล้านล้านบาท ติดลบ 3.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
การปรับลดเป้าหมายหลักๆ มาจากตลาดต่างประเทศ โดยเป้าหมายใหม่ของ ททท.จะต้องดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยให้ได้ 36 ล้านคน แม้จะติดลบ 9.5% เมื่อเทียบกับจำนวนของปีที่แล้ว แต่ยังถือว่าเพิ่มขึ้น1ล้านคนจากคาดการณ์กรณีเลวร้ายที่สุดที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจลดลงจนเหลือแค่35ล้านคน
ส่วนรายได้จากตลาดชาวต่างชาติ ได้ปรับลดเป้าหมายเป็น 1.78 ล้านล้านบาท ติดลบ 7.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่ายังมากกว่าคาดการณ์กรณีเลวร้ายที่สุดที่รายได้จากตลาดต่างชาติอาจลดลงเหลือ 1.7 ล้านล้านบาท
สำหรับเป้าหมายเดิมก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาฯ ททท.เคยตั้งเป้ารายได้รวมจากทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 3.16 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% โดยตลาดต่างประเทศ เป้าเดิมคือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40.78 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.5% จากปีที่แล้ว สร้างรายได้ 2.03 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%
โดยเมื่อเทียบเป้าเดิมกับเป้าใหม่ของปี 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 4.78 ล้านคน หรือเกือบ 5 ล้านคน ขณะที่รายได้ตลาดต่างประเทศจะหายไป2.5แสนล้านบาท ทั้งนี้ได้รายงานให้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับทราบแล้ว โดยเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของกระทรวงฯซึ่งระบุว่าตลอดปีนี้ไทยจะสูญเสียรายได้ประมาณ 3 แสนล้านบาทจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา
ส่วนตลาดในประเทศ ททท.ไม่ได้ปรับลดเป้าหมายแต่อย่างใด ยังคงเป้าเดิมที่จำนวนนักท่องเที่ยวไทย 172 ล้านคน-ครั้ง เติบโต 4% สร้างรายได้ 1.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันที่ 4%
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ ททท.จะลดเป้าตลาดต่างประเทศ แต่ยังคงเดินหน้าทำการตลาดผ่าน3แนวทางหลัก ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างกระแสการเดินทางในภาพรวม, การกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ และการเร่งหาตลาดชาติอื่นๆ มาชดเชยจีนที่หายไป โดยได้วางธีมใหม่ของการทำตลาดปีนี้ ภายใต้แนวคิด“บอกรักเมืองไทย” ส่วนกรณีได้รับงบจากรัฐบาล 500 ล้านบาทมาทำแผนกระตุ้นนั้น คาดว่าจะช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีก1ล้านคน
“หากสถานการณ์ดีขึ้น สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ เบื้องต้นกำหนดให้วันที่ 18 มี.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 60 ปีของ ททท. มีการจัดอีเวนท์ใหญ่เพื่อเป็นการดีเดย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวไทย โดยจะจัด เมกะ แฟมทริป (Mega Fam Trip) ดึงเอเย่นต์ทัวร์และสื่อมวลชนจากทั่วโลกรวม 600 รายมาทัศนศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวในประเทศไทย”
ขณะเดียวกันก็จะดีเดย์การทำตลาดไทยเที่ยวไทย เพราะใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดข้างเคียงภายในรัศมี300กิโลเมตร และจัดแฟลชเซลล์สินค้าท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจออกเดินทางของคนไทยซึ่งคาดว่าน่าจะกลับมาเร็วกว่าชาวต่างชาติ
ด้านแหล่งข่าว ททท. เสริมว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติกรอบวงเงิน 500 ล้านบาทมาฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว ททท.ได้ประชุมปรับแผนการตลาดดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาชดเชยตลาดจีนอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
แนวทางหลักจะเน้นดึงจำนวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในไทยก่อน ผ่านการทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบิน ทั้งจากตลาดระยะใกล้อย่างเอเชีย เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลี นอกจากนี้ยังเตรียมเจาะตลาดระยะไกลเพิ่ม ด้วยการร่วมมือกับผู้ประกอบการสายการบินและบริษัทนำเที่ยว ผ่านโครงการ ทราเวล นาว, บุ๊ก นาว (Travel Now, Book Now)เพื่อดึงตลาดสหรัฐ แคนาดา รัสเซีย และยุโรปตะวันออก มาช่วยขับเคลื่อนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้านแผนงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ จะเริ่มคิกออฟตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.นี้เป็นต้นไป ให้น้ำหนักกับการสื่อสารเกี่ยวกับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะได้รับในแต่ละฤดูกาล เช่น ในไตรมาสที่3ซึ่งตรงกับฤดูฝนของไทย จะดึงนักท่องเที่ยวอินเดียและตะวันออกกลางเข้ามาสัมผัสความชุ่มฉ่ำและเขียวขจี ต่อเนื่องไปจนถึงฤดูหนาวช่วงไตรมาสที่4ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นในปลายปีนี้
ระดมจัดบิ๊กเวิร์กช็อป เยียวยา“ท่องเที่ยว”
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า วันที่ 13ก.พ.นี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) จะเป็นประธานในการประชุมระหว่างส่วนราชการและภาคเอกชนท่องเที่ยว อาทิ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และหอการค้า เพื่อเวิร์กช็อปครั้งใหญ่ระดมสมองเกี่ยวกับมาตรการลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมาตรการฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเยียวยา
จากนั้นจะรวบรวมเป็นแพ็คเกจมาตรการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เพิ่มเติม เบื้องต้นอยากจะเสนอให้ทันวันที่ 14 ก.พ.นี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 18 ก.พ. หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องเฟ้นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้นและระยะกลาง
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนล่าสุด คาดว่าตลอดเดือน ก.พ.นี้ ตลาดจีนเที่ยวไทยจะมีจำนวนหายไป 80-85% และลดลงเหลือเพียง 10% ในสิ้นเดือนนี้ หรืออยู่ที่ 3,000 คนต่อวัน จากปกติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน พร้อมคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากตลาดจีนเที่ยวไทยตลอดปีนี้ที่3แสนล้านบาท