‘ไวรัสโคโรน่า’ เผยจุดอ่อนโลกพึ่งจีน
วิกฤติไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ระบาดนอกจากสร้างความเสียหายให้กับจีนแล้ว ยังเผยให้เห็นว่าโลกพึ่งพาจีนในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งพึ่งพามากก็ยิ่งมีราคาที่ต้องจ่ายมากเช่นกัน
เว็บไซต์นิกเคอิรายงานว่า ปัจจุบันสัดส่วนของจีนในการค้าโลกมีขนาดเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน (ซาร์ส) ระบาดในปี 2546 และอิทธิพลจีนไม่มีทีท่าจะหยุดยั้ง
ประมาณการว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จะส่งผลให้ผลผลิตส่วนที่เหลือของโลกลดลง 6.7 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐ ที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังส่งผลเสียต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มูลค่าผลผลิตลดลงราว 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์
แม้ภาคธุรกิจในจีนเริ่มเปิดทำการแล้ววานนี้ (10 ก.พ.) แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับมาดำเนินการตามปกติได้เมื่อใด หากยังคงระงับปฏิบัติการต่อไปอีกย่อมเป็นระเบิดลูกใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก
นิกเคอิร่วมกับศูนย์ญี่ปุ่นเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจ วิเคราะห์พบว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมจีนที่ลดลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จะลดการผลิตสินค้าที่เกาหลีใต้ส่งออกไปจีนลงเกือบ 300 ล้านดอลลาร์
ยิ่งไปกว่านั้น อุปทานที่ลดลงจากจีนจะลดการส่งออกสินค้าสมบูรณ์ของเกาหลีใต้ลงราว 200 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบสองเด้งนี้เท่ากับว่าเกาหลีใต้ต้องเสียหาย 500 ล้านดอลลาร์ ส่วนค่าเสียหายจากทุกประเทศและภูมิภาครวมกันนอกเหนือจากจีนอยู่ที่ราว 6.7 พันล้านดอลลาร์
แต่ที่ได้รับผลสาหัสกว่า เช่น ฮุนไดมอเตอร์ ผลิตรถยนต์ 34,000 คันต่อสัปดาห์ที่โรงงาน 3 แห่งในเกาหลีใต้ ต้องระงับการผลิตจนถึงวันนี้ (11 ก.พ.) เนื่องจากไม่มีอะไหล่จากจีน กว่าจะเริ่มผลิตได้ต้องเป็นวันพุธ (12 ก.พ.) แต่ก็ยากจะคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นจริงเมื่อใดกันแน่
นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจเกาหลีใต้ชี้ว่า ฮุนไดหยุดผลิต 1 สัปดาห์อาจขาดทุนถึง 587 ล้านดอลลาร์
ในไต้หวัน ทีเอสเอ็มซี ซัพพลายเออร์ชิปหลักให้แอ๊ปเปิล และลาร์แกน พรีซิชัน ผู้ผลิตเลนส์กล้องราคาหุ้นต่างผันผวน แม้ทั้งคู่ผลิตสินค้าในไต้หวัน แต่ก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากหองไห่พรีซีชันอินดัสทรี (ฟอกซ์คอนน์) ผู้ผลิตไอโฟนในจีน
“คาดกันว่าทีเอสเอ็มซีและอื่นๆ จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากความต้องการสมาร์ทโฟน 5จี แต่ในเมื่อสมาร์ทโฟนในจีนผลิตไม่ได้ ก็อาจทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องลดแผนการผลิตของตนลง” นักวิเคราะห์รายหนึ่งจากวาณิชธนกิจไต้หวันให้ความเห็น
ซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ของเกาหลีใต้ ที่จัดหาอะไหล่ให้แอ๊ปเปิ้ลและหัวเว่ย บริษัทโทรคมยักษ์ใหญ่ของจีน ก็อาจถูกกดดันหนักให้หลีกเลี่ยงผลเสียหายเหล่านี้ ขณะที่แอลจีอีเลคทรอนิคส์จากชาติเดียวกัน ราคาหุ้นดิ่งลง 7% ตั้งแต่สิ้นปี 2562
เห็นได้ว่าเกาหลีใต้และไต้หวัน ที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าสหรัฐหรือญี่ปุ่น มีแนวโน้มเสียหายมากกว่า
แต่ญี่ปุ่นไม่มีภูมิคุ้มกันแรงกระเพื่อม ฮอนด้ามอเตอร์ เผยว่า จะขยายเวลาปิดโรงงานในมณฑลหูเป่ย์ออกไปอีก เช่นเดียวกับโตโยต้ามอเตอร์ขยายเวลาปิดโรงงานในจีน ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อเนื่องไปยังผู้ผลิตอะไหล่สำคัญของญี่ปุ่น
เท่านั้นยังไม่พอการหยุดผลิตในจีนส่งผลไปถึงแอ๊ปเปิ้ลในสหรัฐ ที่พึ่งพาการผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน การหยุดผลิตทำให้ยอดขายหายไปอย่างแน่นอน
ถ้านับรวมผลทางอ้อมต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในจีน ผลเสียหายจะสูงราว 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกกว่าผลกระทบโดยตรงจากการที่ผลผลิตลดลงราว 6.5 เท่า
นอกจากนี้ จีนยังเป็นผู้ค้ารายใหญ่สุดของโลก ศูนย์การค้าระหว่างประเทศประเมินว่า แดนมังกรครองสัดส่วนราว 12% เหนือกว่าสหรัฐ เทียบกับเมื่อปี 2546 จีนครองสัดส่วนเกือบ 6%
ส่วนไต้หวัน ซัพพลายเออร์หลักชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้จีน ทำการค้ากับจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็น 36% ของทั้งหมด ขณะที่การค้าระหว่างเกาหลีใต้กับจีนอยู่ที่ 28%
เคยว่ากันว่า ถ้าสหรัฐจาม ญี่ปุ่นถึงกับติดหวัด ตอนนี้สัดส่วนการค้าที่ญี่ปุ่นมีกับจีนอยู่ที่ 22% มากกว่า การค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐที่คิดเป็นสัดส่วน 15% ในเยอรมนีประเทศผู้ส่งออกเครื่องจักร สัดส่วนอยู่ที่ 6% ทั้งญี่ปุ่นและเยอรมนี มีสัดส่วนการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2546
ส่วนประเทศตลาดเกิดใหม่กลัวว่าเงินจีนจะไหลกลับ การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจีนไม่รวมในฮ่องกงและมาเก๊า เมื่อปี 2546 มูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์ ปี 2561 ตัวเลขพุ่งขึ้นเป็น 8.7 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าเมื่อ 15 ปีก่อนถึงกว่า 100 เท่า
การลงทุนที่เติบโตขึ้นของจีนโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ปี 2546 ธุรกิจจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากในมาเลเซียและอินโดนีเซีย แต่เมื่อไวรัสโคโรนาระบาด การลงทุนต่างประเทศของจีนอาจสูญเสียแรงส่ง เป็นไปได้ว่าอาจทำให้เงินทุนจีนไหลกลับ