เปิดสรรพคุณ ‘ฟ้าทะลายโจร’ อาจพัฒนาสู่ยาต้าน Covid-19 ได้
จากกรณีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" ของไทย สามารถยับยั้งการเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้ ขณะนี้กำลังพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้สู้กับ Covid-19 ก่อนจะรู้ผลที่ชัดเจน มาดูสรรพคุณดีๆ ของ "ฟ้าทะลายโจร" กันหน่อย
จากกรณีที่ทาง "กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก" ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการทดลองวิจัยสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ระบุว่าขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ไทยจากหลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันทำการวิจัยทดลองทางห้องปฏิบัติการเพื่อหายาต้าน Covid-19
จนค้นพบว่าสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" ของประเทศไทย สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสในหลอดทดลองได้ ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะนำไปพัฒนาต่อยอดสู่ยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ Covid-19 ในผู้ป่วยจริงได้ในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะได้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนก็จะทราบผลที่ชัดเจน
โดยการศึกษาวิจัยต่อยอดนั้น นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้อธิบายไว้คร่าวๆ ว่า จะทำการศึกษาทดลอง "ฟ้าทะลายโจร" ที่มีฤทธิ์ในเชิง Antiviral broad spectrum โดยการนำกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยสุขภาพดี 10 คน รับประทานยา "ฟ้าทะลายโจร" และอยู่ในโรงพยาบาล 5 วัน จากนั้นจะเอาเซรุ่มที่สกัดจากกลุ่มตัวอย่าง ไปใส่เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) เพื่อดูว่าจะสามารถทำให้เชื้อตายได้หรือไม่ และรอติดตามผลต่อไป
ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีของวงการแผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในประเทศไทย และเป็นข่าวดีต่อคนไทยทั่วประเทศ มารอลุ้นกันว่าช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 ทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะมีการแถลงข่าวอัพเดทออกมาแบบไหน อย่างไร แต่ก่อนจะถึงวันนั้น.. อยากชวนคนไทยมารู้จัก "ฟ้าทะลายโจร" สมุนไพรไทยประโยชน์เยอะชนิดนี้กันให้มากขึ้น
- "ฟ้าทะลายโจร" สมุนไพรรสขม!
"ฟ้าทะลายโจร" (Andrographis paniculata) จัดเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย อินเดีย ศรีลังกา จีน ฯลฯ รวมถึงประเทศแถบสแกนดิเนเวียด้วย ส่วนใหญ่นิยมนำใบและลำต้นใต้ดินมาทำเป็นยารักษาโรคพื้นฐานได้หลากหลายโรค เช่น โรคหวัด โรคไข้หวัด โรคท้องเสีย เป็นต้น นอกจากนี้ "ฟ้าทะลายโจร" ยังเป็นสมุนไพรที่ได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (บัญชียาสมุนไพร) กระทรวงสาธารณสุขด้วย
มีข้อบ่งใช้เกี่ยวกับการใช้ยา "ฟ้าทะลายโจร" คือ แก้ไข้ เจ็บคอ รักษาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ โดยใช้เป็นแคปซูล, ยาเม็ด, ยาเม็ดลูกกลอน ที่บรรจุผงฟ้าทะลายโจรอบแห้งปริมาณต่างๆ กัน ปัจจุบันมีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจำหน่ายในท้องตลาด ทั้งที่ผลิตจากโรงงานผลิตยาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และในลักษณะผลิตภัณฑ์จากชุมชน (OTOP) ส่วนลักษณะทั่วไปของ "ฟ้าทะลายโจร" นั้นเป็นไม้ล้มลุกสูง 30-70 ซม. ทุกส่วนมีรสขม กิ่งเป็นเหลี่ยม ลำต้นขนาดเล็ก ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน มีดอกเป็นช่อสีขาว ส่วนที่นิยมนำมาใช้เป็นยาคือ ลำต้น ใบสด ใบแห้ง สำหรับใบจะเก็บมาใช้ได้เมื่อต้นมีอายุได้ 3-5 เดือนขึ้นไป
จากรายงานผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สรุปได้ว่า สารสกัดสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลากหลาย โดยสารสำคัญที่มีฤทธิ์รักษาโรคมีอยู่ 4 ชนิด ได้แก่ สารแอนโดรกราโฟไลด์, ดิออกซีไดดีไฮโดรแอนโดรกราโฟไลด์ และ นีโอแอนโดรกราโฟไลด์ ต่อมาทางสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์สามารถแยกสารบริสุทธิ์จากฟ้าทะลายโจรได้อีก 1 ชนิด คือ สารดิออกซีแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ดีเช่นกัน
สำหรับการใช้ยา "ฟ้าทะลายโจร" ในการรักษาโรคทั่วไปนั้น เคยมีการศึกษาทดลองทางคลินิกในผู้ป่วย 158 คน ที่ประเทศชิลี เพื่อพิสูจน์ประสิทธิผลของสารสกัดฟ้าทะลายโจรในการรักษาอาการอันเนื่องจากหวัด (common cold) พบว่า การรับประทานยาสารสกัดใบฟ้าทะลายโจรขนาด 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3-4 วัน สามารถลดอาการรุนแรงของโรคอันเนื่องจากหวัดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่าใน 3 วันแรกของกลุ่มทดลองที่ได้รับฟ้าทะลายโจรขนาดสูง 6 กรัมต่อวัน มีผลช่วยลดอาการไข้และอาการเจ็บคอได้ 80%-90%
- "ฟ้าทะลายโจร" กินเพื่อป้องกันดีกว่ารักษา
จริงๆ แล้วสมุนไพรสารสกัดจาก "ฟ้าทะลายโจร" ไม่ใช่แค่ใช้กินเพื่อรักษาโรคเท่านั้น แต่คนปกติที่ไม่ป่วยก็สามารถกินได้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และช่วยทำให้ไม่ต้องป่วยบ่อยๆ โดยมีข้อบ่งชี้การรับประทานยาที่แตกต่างกันระหว่างการกินเพื่อป้องกันและการกินเพื่อรักษา ซึ่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร มีแนะนำดังนี้
- การกินเพื่อป้องกัน: สมุนไพรตัวนี้มีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และต้านไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ สำหรับการกินยาสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" เพื่อการป้องกันหวัดหรือไข้หวัดจากเชื้อไวรัส แนะนำให้ใช้ขนาดต่ำ โดยรับประทานฟ้าทะลายโจรวันละ 1 เม็ด 5 วันต่อสัปดาห์ นานเป็นเวลา 3 เดือน จะช่วยลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33% กินไม่ต้องเยอะเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี (ใน 1 แคปซูลมีปริมาณสารสำคัญ "แอนโดรกราโฟไลด์" ประมาณ 12 มิลลิกรัม)
- การกินเพื่อรักษา: สำหรับการกินยาสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" เพื่อการรักษาอาการไข้ หรือไข้หวัด แนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (ต้องกินหลายเม็ดต่อวันเพื่อฤทธิ์ในการรักษา) ใช้ไม่เกิน 7 วัน และสามารถหยุดยาได้เลยทันทีเมื่ออาการดีขึ้น โดยไม่มีผลทำให้ดื้อยา แต่ถ้าหากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- "ฟ้าทะลายโจร" เยียวยาได้อีกหลายโรค
สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ได้ทำการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" เพิ่มเติม เพื่อใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ ได้อีกสารพัด โดยสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่นำมาทดสอบนั้น จะต้องมีการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในสารสกัดก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ทราบปริมาณสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ที่แน่นอน สารสกัดที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสารสกัดน้ำที่ทำเป็นผงแห้งแล้ว โดยมีผลการทดลองที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ต่อต้านอนุมูลอิสระ
สถาบันฯ ได้ทำการทดสอบฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดน้ำฟ้าทะลายโจรด้วยวิธี DPPH assay พบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระได้ในระดับปานกลาง โดยมีค่า SC50 (ค่าที่กำจัดอนุมูลอิสระได้ 50%) เท่ากับ 75-78 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งการต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นหมายถึง สามารถชะลอความชรา ลดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยป้องความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย เป็นต้น
2. ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
มีการศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphyloccus aureus ATCC 25923 ของสารสกัดน้ำฟ้าทะลายโจร ผลการทดลองพบว่า ค่า MIC (Minimum Inhibition Concentration-ค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้) เท่ากับ 32 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้จริง
3. ยับยั้งเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลอง
มีการศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum (94) ในหลอดทดลองของสารสกัดน้ำฟ้าทะลายโจร ผลการทดลองพบว่า มีค่า IC50 (Inhibition Concentration–ค่าความเข้มข้นของสารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อได้ 50%) เท่ากับ 418.25 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ซึ่งตามเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการฯ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้
4. ต่อต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
มีการทดสอบฤทธิ์ของสารบริสุทธิ์ทั้ง 3 ชนิด ที่มีอยู่ใน "ฟ้าทะลายโจร" ในการต้านการเกาะตัวของเกล็ดเลือดที่ถูกกระตุ้นด้วย Thrombin ในหลอดทดลอง ผลการทดลองพบว่าสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรนั้น มีฤทธิ์ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดได้ดี ซึ่งผลงานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศชื่อ European Journal of Pharmacology ในปี 2549 อีกด้วย
5. ช่วยลดความดันในเลือด
มีรายงานว่าสารสำคัญที่อยู่ในฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ในการลดความดันเลือดได้ ดังนั้นทางสถาบันฯ จึงได้ทำการศึกษาว่าสารบริสุทธิ์ทั้ง 3 ชนิด รวมทั้งสารสกัดฟ้าทะลายโจรจะมีฤทธิ์ต่อหลอดเลือดและหัวใจในสัตว์ทดลองแตกต่างกันหรือไม่ จากผลการทดลองพบว่า มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดและลดอัตราการเต้นของหัวใจได้ดี นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีสาร AP3 สูง ซึ่งจะมีฤทธิ์ในการลดความดันเลือดได้ดีกว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มี AP3 ต่ำกว่า ผลการวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศชื่อ Planta Medica ในปี 2550 โดย Yoopan et al.6
6. ฆ่าเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง
สถาบันฯ ได้ทำการศึกษาฤทธิ์ในการต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็งสมอง SK-N-SH ของสารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ได้แก่ AP1, AP3 และ AP4 ในหลอดทดลอง ซึ่งผลการทดลองพบว่า สารบริสุทธิ์ทั้ง 3 ชนิดนี้ มีฤทธิ์ในการต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งสมองได้ โดยงานวิจัยนี้ได้รับการเผยแพร่ในงานประชุม The 5th Princess Chulabhorn International Science Congress: Evolving Genetics and Its Global Impact ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2547
------------------------
อ้างอิง:
http://www.eht.sc.mahidol.ac.th/article/1818
https://www.cri.or.th/en/20090729.php