'โรงพยาบาลอู่ฮั่น' กลับมาให้บริการ ส่งสัญญาณบวก COVID-19
โรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เริ่มกลับมาให้การรักษาทางการแพทย์กับผู้ป่วยด้วยโรคอื่นอีกครั้ง
บรรดาผู้ป่วย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยฉุกเฉินหรือเป็นโรคเรื้อรังรุนแรง สามารถนัดพบแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลที่กำหนดในเมืองอู่อั่นเพื่อรับบริการทางการแพทย์
ในวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา เมืองอู่ฮั่น ได้ประกาศรายชื่อสถาบันทางการแพทย์ที่จะรับรักษาผู้ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ นอกเหนือจากโรคโควิด-19 โดยเน้นไปที่ผู้ป่วยเรื้อรังที่มีอาการรุนแรง สตรีมีครรภ์และผู้พักฟื้นหลังคลอดบุตร เด็ก และผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฟอกเลือดและถูกไฟไหม้ และต่อมาได้มีการประกาศเพิ่มโรงพยาบาลที่ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยมีเนื้องอกและอาการเรื้อรังขึ้นอีก
นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของเมืองอู่ฮั่น ยังจัดตั้งทีมเพื่อประสานงานกับแหล่งข้อมูลทรัพยากรสาธารณสุขเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ ด้วย ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองอู่ฮั่น หยุดให้บริการทางการแพทย์กับผู้ป่วยทั่วไปเพื่อรองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก
แม้การเปิดให้บริการของโรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่นสะท้อนว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสในจีนเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่หน่วยงานสาธารณสุขของจีนก็ยังย้ำว่าจีนจะต้องไม่ผ่อนคลายมาตรการเฝ้าระวังหรือลดระดับการทำงานเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น
“มี่ เฟิง” เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) กล่าวว่า ณ วันพฤหัสบดีที่ 5 มี.ค. จีนพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 17 รายนอกมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจำนวนนั้น มี 16 รายที่ติดเชื้อไวรัสนอกจีนแผ่นดินใหญ่ โดยแบ่งเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 11 รายในมณฑลกานซู ปักกิ่ง 4 ราย และเซี่ยงไฮ้ 1 ราย
“เราควรจะเพิ่มความร่วมมือกับนานาชาติ แบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) และประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และร่วมกันสู้กับการแพร่ระบาดครั้งนี้” มี่ เสริม
นอกจากโรงพยาบาลในเมืองอูฮั่นจะกลับมาให้บริการรักษาผู้ป่วยอีกครั้ง กระทรวงกิจการพลเรือนจีน ยังอนุญาตให้ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่จะอนุญาตให้เพียงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงกลางที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะต้องมีการใช้มาตรการควบคุมด้วยเช่นกัน
กระทรวงกิจการพลเรือน เปิดเผยว่า ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับผู้สูงอายุที่อยู่ด้วยตนเองไม่ได้ และผุ้สูงอายุเหล่านี้ยินดีที่จะพักที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแลเนื่องจากลูกหลานต้องทำงาน การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะควบคุมการแพร่ระบาดหรือไม่ถูกกักตัวดูอาการ
สำหรับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ระดับเขตปกครองที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ สามารถเปิดรับผู้ขอเข้าพักรายใหม่ได้ แต่ผู้นั้นต้องไม่เคยเดินทางไปพื้นที่ความเสี่ยงสูงมาก่อน ไม่เคยสัมผัสกับบุคคลจากพื้นที่ดังกล่าว และไม่แสดงอาการของโควิด-19
นอกจากนี้ กระทรวงกิจการพลเรือนยังอนุญาตให้มีบริการผู้แลผู้สูงอายุที่บ้านและบริการชุมชุนที่ไม่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก ในพื้นที่ระดับเขตปกครองที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ การคิดค้นและพัฒนายาหรือวิธีการรักษาโรคโควิด-19ของจืนก็มีความคืบหน้าไม่แพ้กัน ล่าสุด "หู หนานปิง" รมช.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในระยะวิกฤตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วในขณะนี้ และจีนจะเดินหน้าศึกษาแนวทางดังกล่าวในการทดลองทางคลินิกต่อไป
ทั้งนี้ สเต็มเซลล์ สามารถแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนได้เรื่อย ๆ ทั้งยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับเซลล์ชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเลือด หัวใจ ปอด หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ ยังมีฟังก์ชันในการหลั่งสารเคมี ซึ่งจะช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ พร้อมเพิ่มจำนวนเซลล์ แบ่งตัว และช่วยยับยั้งการอักเสบ
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สเต็มเซลล์สามารถใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อบางโรคได้ โดยในอดีตเคยมีการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ H7N9 ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ