ดูชัดๆ 3 เคสต้องระวัง มีโอกาสเสียชีวิตหากติด โควิด-19
ไม่ใช่ทุกคนที่ติด COVID-19 แล้วจะเสียชีวิต มีข้อมูลทางการแพทย์ว่าโรคนี้เป็นแล้วหายได้ มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ ยกเว้นคนบางกลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากติดเชื้อแล้วมักจะมีอาการรุนแรงและเสี่ยงเสียชีวิต เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย
จากรายงานข่าวอัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อโรค "COVID-19" ในประเทศไทยที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด..วันที่ 19 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรค แถลงอัพเดทผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) เพิ่มอีก 60 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 272 ราย ทำเอาประชาชนหวาดกลัวโรคระบาดครั้งนี้หนักเข้าไปอีก แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งตื่นตระหนกมากเกินไป เพราะแม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่ติดเชื้อจะมีอาการหนักหรือจะต้องเสียชีวิตทุกคน
มีข้อมูลจาก ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์เจ้าของเพจ "หมอแล็บแพนด้า" ที่โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลว่า "..หลายคนเริ่มวิตกจริตกันแล้วว่าเราจะตายไหม อย่าตกใจขนาดนั้นครับ โรคนี้มีอัตราการตายประมาณ 3% ถือว่าต่ำกว่าโรคอื่นๆ แต่มันแพร่เร็วก็เพราะคนที่ติดเชื้อยังเดินเที่ยวได้อยู่ ออกไปกินหมูกะทะ ล่องเรือ เที่ยวทองหล่อ สบายใจเฉิบ
อัตราตายประมาณ 3% แปลว่าถ้ามีคนติดเชื้อโควิด 100 คน จะมีคนตายประมาณ 3 คน แล้วที่ใจชื้นกว่านั้นก็คือถ้าเราอายุไม่ถึง 50 ปี โอกาสที่จะเสียชีวิตยิ่งน้อยไปใหญ่ ไม่ถึง 1% แต่กลุ่มคนที่น่าห่วงก็คือปู่ย่าตายายที่อายุ 80 ปีขึ้นไป มีอัตราตายเยอะสุดถึง 15%
และพอย้อนไปดูข้อมูลคนตาย ปรากฏว่ามีโรคเก่าแต่เดิมอยู่แล้ว เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ มะเร็ง กลุ่มนี้มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนปกติอย่างน้อย 5 เท่า สิ่งที่ต้องทำคือ ทำร่างกายให้แข็งแรง กินร้อน ช้อนกู ล้างมือ ออกกำลังกาย ไม่เอามือไปจกตา จกจมูก จกปาก แล้วเราก็จะปลอดภัยจาก "โควิด-19" ไปด้วยกันครับ.."
ในทำนองเดียวกันมีข้อมูลจาก นายแพทย์วิทวัส ศิริประชัย เจ้าของเพจ Drama Addict ก็ออกมาโพสต์ให้ความรู้คล้ายๆ กันว่า "..ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อกำลังจะพุ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงนี้คือการบริหารทรัพยากรที่มีให้ใช้ได้มีประสิทธิภาพที่สุด
อย่างแรก คนที่ป่วยโรคนี้ส่วนมาก 80% มักมีอาการน้อยมาก ไม่ต่างจากหวัดทั่วไป ซึ่งกลุ่มนี้มักเป็นในวัยรุ่น คนหนุ่มสาว คนที่อายุไม่มาก ถ้ามีไข้ ไอ แล้วอาการไม่เยอะ ยังไม่ต้องรีบหาหมอ ให้ใช้วิธีกักตัวเองในบ้าน ดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนมากมักหายเองได้ หรือคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ซึ่งส่วนมากก็หายเองได้ถ้าพักผ่อนและดูแลตัวเองดีๆ
แต่ถ้าคนกลุ่มนี้เฮโลกันไปโรงพยาบาลกันเยอะๆ จะทำให้หมอมีงานตรวจหนักขึ้นเยอะมาก จนทรัพยากรที่จะใช้ในการดูแลเคสหนักๆ มันก็จะลดลง เพราะต้องแบ่งคนมาตรวจตรงนี้ ดังนั้นเคสที่ยังไม่ต้องไปโรงพยาบาล ก็อยู่บ้าน กักโรคตัวเองก่อนได้
แล้วเมื่อไหร่คือจำเป็นต้องไปหาหมอแล้ว?
คำตอบคือกลุ่มที่ติดเชื้อแล้วมีอาการเยอะ นอกจากมีไข้ ไอ ก็อาจจะมีเหนื่อย แน่นหน้าอก หน้ามืดใจสั่น ถ้ามีอาการแบบนี้ให้รีบหาหน้ากากอนามัยมาใส่ แล้วไปโรงพยาบาลทันที เพราะถ้าเป็นกลุ่มที่อาการหนัก ควรเข้าถึงการรักษาให้ไว จะได้ช่วยชีวิตกลุ่มนี้ให้รอดชีวิตได้ รวมถึงกลุ่มเสี่ยง คือผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน มะเร็ง กินยากดภูมิต้านทาน พวกนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ถ้าไม่สบายมีอาการที่ว่าควรรีบปรึกษาหมอเลย รวมถึงถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง คือกลับมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด หรือมีคนใกล้ชิดมาจากพื้นที่เสี่ยง
แต่ทั้งนี้คนหนุ่มสาวอย่าประมาทว่าตัวเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแล้วจะไม่เป็นอะไร เพราะเคสที่เสียชีวิตก็มีหลายเคสที่อายุน้อยๆ ก็มี เช่น อายุ 30 ปี โรคประจำตัวไม่มี ก็ยังเสียชีวิตได้ เอาเป็นว่าอย่าประมาทดีที่สุด.."
จากข้อมูลข้างต้น หากนำมาไล่เรียงดูจะพบว่าบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตจากการติดโรค "โควิด-19" นั้นแบ่งได้ 3 กลุ่มหลักๆ คือ
1. ผู้สูงอายุ เช่น ปู่ย่าตายายที่อายุ 70-80 ปีขึ้นไป มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดถึง 15% เพราะคนแก่ร่างกายอ่อนแอกว่าคนหนุ่มสาว
2. ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น คนที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดัน มะเร็ง กินยากดภูมิต้านทาน หากไม่สบายและมีอาการเข้าข่ายติดโรคโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์ทันที
3. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งต้องรับคีโม ทำให้ร่างกายอ่อนแอกว่าคนทั่วไป หรือผู้ที่ป่วยภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) หากกลุ่มนี้ติดโรคโควิด-19 อาการก็จะรุนแรงกว่าคนที่มีสุขภาพแข็งแรง
ย้ำอีกทีว่าประชาชนควรปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์บ่อยๆ ทำงานที่บ้าน งดเดินทางสาธารณะ งดการพบปะผู้คนในที่แออัด และงดออกงานอีเวนท์ทั้งหลายให้จริงจัง! ถ้ายังกังวลใจอยู่ก็ให้คอยสังเกตอาการของตัวเองอยู่เรื่อยๆ หากมีอาการป่วยเช่น มีไข้ ไอ เหนื่อยหอบ ปวดหัว ก็ให้รีบใส่หน้ากากอนามัยและไปพบแพทย์ หรือดูอาการป่วยเพิ่มเติมได้ที่ เช็คอาการ 'โควิด-19' ผู้ป่วยที่พบมีอาการอย่างไร? และ เช็คอีกที! อาการป่วย 'COVID' แตกต่างจากอาการไข้ทั่วไป
------------------
ที่มา :
https://web.facebook.com/DramaAdd/photos/a.411063588290/10158459213943291/?type=3&theater
https://web.facebook.com/MTlikesara/photos/a.163696700503189/1285736028299245/?type=3&theater