ผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคการศึกษา
เปิดวิธีปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในภาคการศึกษาทั้งในไทยและต่างประเทศ ในวันที่โรคระบาดโควิด-19 แพร่กระจายไปทั่วโลก
เมื่อโลกกำลังหมุนช้าลงด้วยวิกฤติจากโรคโควิด-19 วันนี้ผมอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในภาคการศึกษาทั้งในไทยและต่างประเทศ หลังจากที่องค์การอนามัยโรคประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดร้ายแรง เนื่องจากการแพร่ระบาดที่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลกแล้วนั้น หนึ่งในวิธีการรับมือกับการระบาดคือ Social distance หรือการเพิ่มระยะห่างระหว่างกันในสังคม เพื่อป้องกันการระบาดจากคนสู่คน ซึ่งมาตรการ Social distance นี้ได้ส่งผลอย่างมหาศาลกับทุกวงการทุกภาคส่วน
ในวงการการศึกษาทั้งในไทยและต่างประเทศ มีการนำระบบการเรียนการสอนออนไลน์เข้ามาปรับใช้ เพื่อดำเนินการเรียนการสอนต่อไปภายใต้วิกฤติโรคระบาดนี้ ทั้งการสอนสดที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนได้ทันที คือเห็นหน้าเห็นตาโต้ตอบสอบถามคุยกันได้ และการสอนแบบวิดีโอที่ผู้สอนสามารถอัดล่วงหน้าและผู้เรียนสามารถมาติดตามภายหลังสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องการเรียนการสอนออนไลน์แบบสด
ระบบการเก็บคะแนนและตัดเกรดจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ลดสัดส่วนของคะแนนจากงานกลุ่มที่มีความจำเป็นจะต้องทำงานร่วมกันหรือทำร่วมกันได้ผ่านทางออนไลน์ด้วยเครื่องมือทันสมัยต่าง ๆ อาทิ กูเกิลไดรฟ์ เป็นต้น มหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มพิจารณาถึงการเลื่อนการสอบหรือเปลี่ยนการสอบเป็นระบบออนไลน์เพื่อลดความเสี่ยงในการชุมนุมกันของนักศึกษาในวันสอบ ทั้งนี้รวมไปถึงการเลื่อนรับปริญญาด้วย
โรงเรียนส่วนใหญ่ของไทยที่อยู่ในช่วงปิดเทอมนั้นก็ลดกิจกรรมระหว่างปิดเทอมลง มีประกาศห้ามบุคลากรและนักเรียนเดินทางไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยง ทั้งนี้ยังรวมถึงผู้ปกครองและคนในครอบครัวของนักเรียนที่จะต้องกักตัว 14 วันหากเดินทางยังประเทศเสี่ยงและกลับมาใช้ชีวิตกับนักเรียน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการระบาดในช่วงเปิดเทอมใหม่ที่กำลังจะมาถึง
กิจกรรมส่งเสริมทักษะและความรู้ อาทิ ค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายซัมเมอร์แคมป์ในต่างประเทศนั้นได้รับผลกระทบโดยตรง การเลื่อนการเดินทางถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดภายใต้ความไม่แน่นอนของสถานการณ์และเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการะบาดของไวรัส โรงเรียนกวดวิชาและโรงเรียนเสริมทักษะประเภทต่าง ๆ นั้นถูกประกาศปิดโดยรัฐดังนั้นจึงเริ่มให้มีการเรียนการสอนออนไลน์ขึ้นทดแทน
ที่โชคร้ายหน่อยก็คือนักศึกษาไทยที่ขณะนี้เรียนและใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเพราะนอกจากมหาวิทยาลัยจะปิดตัวลงแล้ว การดำรงชีวิตก็ลำบากมากขึ้นเพราะข้าวของเครื่องใช้ไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวกเหมือนก่อนภาวะวิกฤติ ห้องสมุดปิดทำให้ต้องอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมส่วนใหญ่อยู่ในหอพักซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กและบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการศึกษา
การจะเดินทางกลับประเทศซึ่งแท้จริงแล้วก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศให้ไว้ ก็ยังเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะรัฐประกาศเรื่องการเดินทางกลับประเทศที่จำเป็นต้องได้รับรองสุขภาพจากแพทย์และจดหมายรับรองจากสถานทูตเรียก เกิดโกลาหลกันยกใหญ่เมื่อรัฐออกข้อบังคับนี้แต่ไม่มีกลไกและบุคลากรรองรับกลายเป็นปัญหาหน้างานของพนักงานระดับปฏิบัติการ อย่างที่เกิดขึ้นในสถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอนที่คนไทยต่อคิวกันยาวเหยียดเพื่อขอเอกสารกลับประเทศ
ภายใต้ความสับสนตกใจกลัว ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดของไวรัสนั้น สติ ความอดทนพึ่งพาตนเอง ความพยายามเข้าใจกันและกัน และนำ้ใจความเมตตาต่อกันและกันนั้นมีความจำเป็นเพื่อให้สังคมผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ และผมเชื่อว่าวิกฤตินี้จะนำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญสู่วงการการศึกษาทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับภาคส่วนและอุตสาหกรรมอื่น ๆ