เตือนจีน!เจอโควิด-19ระบาดรอบ2เหตุระบบคัดกรองต่างชาติอ่อนแอ
สื่อชั้นนำจีนเตือนจีนแผ่นดินใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งที่2 อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะระบบคัดกรองชาวต่างชาติของจีนยังไม่เข้มแข็งพอ
จีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดการระบาดของโรคโควิด-19 มีความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโรคนี้ในรอบที่2 เนื่องจากระบบคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศของจีนยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ ประกอบกับมีผู้ที่เป็นพาหะแอบแฝงหรือผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการป่วยใดๆ
รัฐบาลจีนแถลงยืนยันเมื่อวันพุธ(18 มี.ค.)ว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศเป็นครั้งแรก นับแต่การระบาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญยิ่ง แต่ในขณะเดียวกัน จีนก็พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 34 ราย ในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) แจ้งว่าไม่พบกรณีการแพร่เชื้อภายในประเทศเป็นครั้งแรก นับแต่การระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และยังกล่าวด้วยว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งถูกสั่งปิดเมืองไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค. แต่กลับมีผู้ติดเชื้อมาจากต่างแดนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชาวอู่ฮั่น บางส่วนที่ถูกกักกันโรคอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์ ได้รับอนุญาตให้เริ่มออกมาใช้ชีวิตข้างนอกได้บ้างแล้ว แต่ห้ามจับกลุ่มกันในที่สาธารณะ ห้างร้านและกิจการบางแห่งก็สามารถกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติ โดยเฉพาะในเขตที่ทางการประกาศว่าเป็นเขตปลอดการระบาด รวมทั้งตลาดเล็ก ๆ และร้านสะดวกซื้อต่างก็กลับมาเปิดการค้าขายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อรายใหม่จากต่างประเทศอยู่ โดยได้เปิดทำการโรงพยาบาลที่เคยใช้รักษาโรคซาร์ส ในกรุงปักกิ่งขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นสถานที่กักกันกลุ่มผู้ต้องสงสัยติดเชื้อเหล่านี้
ส่วนในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องสวมใส่สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวหลังเข้าประเทศ
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส ของทางการจีน รายงานว่า มีแนวโน้มสูงมากที่โรคโควิด-19 จะกลับมาระบาดระลอก 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นเรื่องที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยมีปัจจัยมาจากช่องโหว่ หรือจุดเสี่ยงในระบบคัดกรองสุขภาพ และมาตรการกักโรคผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่ยังไม่เพียงพอ โดยปัจจุบัน จีนมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่มาจากต่างประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ราย ส่วนใหญ่จะเดินทางเข้าประเทศผ่านเมืองใหญ่ อย่าง กรุงปักกิ่งและเสิ่นเจิ้น