ชาวพะเยา วอนใช้มาตรการเด็ดขาด ป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตลาดสดพะเยาอาเขต อ.เมือง จ.พะเยา เพื่อสำรวจความคิดเห็นกรณีความพึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาโควิด- 19ของทางรัฐบาลและการเตรียมพร้อมรับเคอร์ฟิวที่จะประกาศใช้ในวันนี้ โดบพบว่าตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ภาพรวมการค้าขายในตลาดสดพะเยาอาเขตถือว่าอยู่ในระดับซบเซา มีร้านที่ต้องปิดตัวเองไปหลายร้าน ขณะเดียวกัน เจอปัญหาการระบาดของโควิด-19 ซ้ำ ยิ่งทำให้ตลาดแทบจะไร้ลูกค้า รายรับแต่ละวันแทบจะไม่เกิด

นายกำธร ทาทาน อายุ 52 ปี เจ้าของร้านสันติ ขายนาฬิกา แว่นตา เปิดเผยว่า ในระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมาการค้าขายในตลาดสดพะเยาอาเขต แย่มากพอแล้ว ตอนนี้มาเจอการระบาของโควิด-19 อีก ยิ่งไปใหญ่ ผู้คนไม่เข้าตลาด บางวันขายของไม่ได้เลย ในขณะที่ธุรกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการเงินยังคงมีอยู่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยกับมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาล ในกรณีต่างๆรวมถึงการประกาศเคอร์ฟิวในวันนี้ด้วย จริงๆน่าจะทำเมื่อเดือน 2 เดือนที่แล้วด้วยซ้ำ ทั้งการปิดประเทศ ปิดจังหวัด และใช้มาตรการทางกฎหมายที่รุนแรง ปรับแพง จำคุกนานหรือทั้งสองอย่าง เพราะมีคนบางส่วนยังฝ่าฝืน

นายกำธร กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือควรจะเพียงพอและทั่วถึง อย่างที่ จ.พะเยามีการประกาศจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในตลาดสดพะเยาอาเขต จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาทำเลย ขณะเดียวกันมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยังทำตัวตามสบายหน้ากาก็ ม่สวมเดินเข้าตลาดมาจับใช้ซื้อของตรงนี้น่าจะมีมาตรการที่ชัดเจนและเด็ดขาด ไม่ใช่ตักเตือนแล้วก็ทำเหมือนเดิม

ด้าน นายหาญ ธรรมโม อายุ 69 ปี อาชีพทำไม้กวาดทางมะพร้าวขาย กล่าเปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการต่างๆของทางรัฐบาล โดยเฉพาะยิ่งการประกาศไม่ให้ออกจากบ้านหลัง 22.00 น.มเชื่อว่าไม่กระทบชาวบ้านทั่วไปแน่นอน และเป็นการป้องกันพวกวัยรุ่นไม่ให้ออกไปสังสรรค์หรือเที่ยวเตร่ได้อีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องรายได้แม้จะลดไปบ้างในช่วงนี้ แต่ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งของทางราชการ เพื่อไม่ให้เชื้อมันระบาดนานขึ้นขยายเวลาออกไปหลายๆเดือน และขอเป็นทำใจให้นายกรัฐมนตรี รัฐบาล แพทย์ พยาบาล ในการทำหน้าที่เพื่อหยุดโควิด-19 ให้หมดไป

สำหรับสถานการณ์โควิด 19 ในส่วนของจังหวัดพะเยา ณ วันนี้ ( 3 เม.ย.) มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 43 ราย ส่งตรวจและพบเชื้อ 2 ราย ส่งตรวจและไม่พบเชื้อ 41 ราย รักษาหายกลับบ้าน 38 ราย และยังอยู่ที่ รพ. อีก 4 ราย ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้ง 2 ราย มาจากกทม. ประกอบอาชีพในสถานบันเทิงทั้งสิ้น