ไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 111 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย
โฆษก ศบค. แถลง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 111 ราย รวมยอดสะสม 2,369 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวม 30 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 64 ราย รวมเป็น 888 ราย
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 111 ราย รวมยอดสะสม 2,369 ราย ใน 67 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 30 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 64 ราย รวมเป็น 888 ราย
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รายที่ 1 เป็นชายชาวรัฐเซีย อายุ 48 ประวัติเดินทางไปภูเก็ต เริ่มป่วยในวันที่ 18-21 มีนาคม เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในวันที่ 25 มีนาคม ด้วยอาการ ไอ เจ็บคอ แต่ไม่แอดมิท เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายน
รายที่ 2 เป็นชายชาวอินเดียอายุ 69 ปี ธุรกิจส่วนตัว ประวัติมีโรคประจำตัว เบาหวาน หัวใจ 17 มีนาคม เริ่มป่วย เข้ารักษาใน รพ.เอกชน ในกทม. 21 มีนาคม มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ถ่ายเหลว ย้ายเข้าไอซียู และถูกส่งตัวไปยัง รพ.เอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิต 7 เมษายน
รายที่ 3 เป็นชายชาวอเมริกัน อายุ 69 ปี มีโรคไตเรื้อรัง 9 มีนาคม เริ่มป่วย ไอ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก รักษาใน รพ. แห่งหนึ่ง ในจ.บุรีรัมย์ 23 มีนาคม ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 7 เมษายน
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 111 ราย แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ ฯ 69 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 37 ราย ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 11 ราย และ อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 21 ราย (ในจำนวนนี้ มาจากการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่ จ.ภูเก็ต 18 ราย) และ กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเข้ารับการกักตัวในสถานที่ของรัฐ 42 ราย
ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 111 ราย ใน 14 จังหวัด เข้ารับการรักษาในกรุงเทพมหานคร (23 ราย), สตูล เป็นผู้ป่วยจากอินโดนีเซีย (16), ยะลา (14), สงขลา (10), ปัตตานี (9), นนทบุรี (7), จังหวัดละ 2 ราย ได้แก่ กระบี่ นครปฐม นราธิวาส พัทลุง ภูเก็ต สมุทรปราการ, ส่วนจังหวัดละ 1 ราย ได้แก่ นครราชสีมาและปทุมธานี โดยยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 18 ราย
กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด ตามด้วย นนทบุรี ภูเก็ต สมุทรปราการ ชลบุรี ยะลา ปัตตานี สงขลา เชียงใหม่ และปทุมธานี เพิ่มจังหวัดสตูล รับรักษาผู้ติดเชื้อ (เดินทางจากอินโดนีเซีย) โดยยังมี 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดแบ่งเป็น ผู้ป่วยชาย 1,226 ราย ผู้ป่วยหญิง 1,004 ราย จำนวนผู้ป่วยจำแนกตามพื้นที่ แบ่งเป็น กรุงเทพฯ-นนทบุรี 1,250 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 101 ราย ภาคเหนือ 86 ราย ภาคกลาง 332 ราย ภาคใต้ 409 ราย อายุเฉลี่ย 39 ปี อายุสูงสุด 86 ปี อายุน้อยสุด 1 เดือน อายุสุงสุดในกลุ่ม 20-29 ปี จำนวน 562 ราย
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ผู้ป่วยรายแรกของจังหวัดสัมผัสโรคจากต่างประเทศ 25 จังหวัด แบ่งเป็น ผู้ป่วยชาวต่างชาติ พบในจังหวัดที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ได้แก่ ผู้ป่วยชาวจีน ในกทม. นนทบุรี เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ภูเก็ต , ผู้ป่วยชาวสหรัฐอเมริกา ใน จ.บุรีรัมย์ ผู้ป่วยชาวเบลเยี่ยม ในจ.เพชรบูรณ์ และผู้ป่วยชาว ปากีสถาน ใน จ.ตาก
ขณะที่ผู้ป่วยชาวไทย ใน จ.ชลบุรี นครปฐม เดินทางมาจากประเทศจีน , นครศรีธรรมราช เดินทางมาจาก อิหร่าน , ปทุมธานี สระบุรี เดินทางมาจาก ญี่ปุ่น , พระนครศรีอยุทธยา และ ลำพูน เดินทางมาจาก อินโดนีเซีย , แม่ฮ่องสอน เดินทางมาจากปากีสถาน , ยโสธร เดินทางมาจาก ออสเตรเลีย , สระแก้ว และเชียงราย เดินทางมาจาก กัมพูชา (ปอยเปต) , อุตรดิตถ์ เดินทางมาจากการ์ต้า และนราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา เดินทางมาจาก มาเลเซีย (พิธีกรรมทางศาสนา)
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายแรกของจังหวัดที่มีการสัมผัสโรคภายในประเทศ จำนวน 41 จังหวัด ทั้งจากสนามมวย สถานบันเทิง และกรณีอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี แพร่ พัทลุง ร้อยเอ็ด ลพบุรี เลย ศรีสะเกษ สุรินทร์ สุโขทัย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี มีประวัติเดินทางไปจังหวัดกทม. (สนามมวย) , จังหวัดมุกดาหาร มีประวัติสัมผัสคนดูมวย , จังหวัดชุมพร นครพนม พะเยา พิษณุโลก มหาสารคาม ราชบุรี หนองคาย อุทัยธานี อำนาจเจริญ มีประวัติไปสถานบันเทิงในกทม.
จังหวัดชัยภูมิ จันทบุรี นครราชสีมา สมุทรสาคร ระยอง มีประวัติเดินทางไป กทม. ในสถานที่อื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร พบปะเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยยืนยัน , จังหวัด สกลนคร และตรัง ผู้ป่วยที่สัมผัสเพื่อนร่วมงานป่วยในภูเก็ต , จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประวัติสัมผัสเชื้อจากปัตตานี , จังหวัดสุพรรณบุรี มีประวัติสัมผัสเชื้อจากชลบุรี และจังหวัดสมุทรสงคราม รอสรุปผล
“ขณะเดียวกัน ผู้ป่วยไม่มีประวัติเดินทางก่อนป่วย แต่มีญาติ/เพื่อน ได้แก่ นครสวรรค์ ลำปาง ญาติหรือเพื่อนที่มีอาการป่วย จาก กทม. มาหา , สมุทรปราการ อาชีพเสี่ยงติดต่อนักท่องเที่ยว , เพชรบุรี ญาติหรือเพื่อนมีประวัติเดินทางต่างประเทศมาหา” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว
ทั้งนี้ สถานการณ์ทั่วโลก ในวันที่ 8 เมษายน 206 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ป่วยรวมทั้งหมด 1,425,803 ราย อาการหนัก 47,912 ราย รักษาหาย 301,828 ราย เสียชีวิต 81,972 ราย อันดับ 1 ยังคงเป็น สหรัฐอเมริกา 395,612 ราย อันดับ 2 สเปน 141,942 ราย อันดับ 2 อิตาลี 135,586 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส 109,069 ราย ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 43
สำหรับการออกมาตรการห้ามเดินทางออกเคหสถานในเวลา 22.00–04.00 น. ข้อมูลในวันที่ 4–8 เมษายน พบว่า ยังคงมีผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด โดยในวันที่ 7 เมษายน มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด 1,156 ราย รวมกลุ่มมั่วสุม 72 ราย รวม 1,232 ราย มีการดำเนินการตักเตือน 135 ราย และดำเนินคดี 949 ราย รวม 1,084 ราย