มหาเศรษฐี 'ไทย-โลก' รวมน้ำใจต้านโควิด

นับถึงเช้าวันที่ 8 เม.ย. มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกมากกว่า 80,000 ราย จากจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 1.4 ล้านราย ที่น่าตกใจคือตัวเลขเกือบ 50% กระจุกตัวอยู่ที่ 3 ประเทศ ใน 2 ทวีป ที่ยิ่งใหญ่ด้วยความร่ำรวยทั้งเงินทองและวิทยาการความรู้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความร้ายแรงของสถานการณ์แพร่ระบาดที่รวดเร็ว และขยายวงความสูญเสียท่ามกลางข้อจำกัดของทรัพยากรในการรับมือ ทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ ตลอดจนกำลังพลนักรบเสื้อขาว หลายประเทศทั่วโลกเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในระดับ “มหาเศรษฐี” ทั้งระดับโลกและระดับประเทศ ที่เร่งอัดฉีดทั้งเงินบริจาคและทรัพยากรต่างๆ ที่กลุ่มธุรกิจของแต่ละรายมีอยู่ช่วยกันต่อสู้กับสงครามโควิด-19 อย่างจริงจัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ซีอีโอ ‘ทวิตเตอร์’ บริจาค 3 หมื่นล้านสู้วิกฤติโควิด

เว็บไซต์ www.forbes.com ของนิตยสารฟอร์บส เจ้าของทำเนียบจัดอันดับมหาเศรษฐีประจำปี ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ ได้มีการจัดทำข้อมูลเกาะติดรายชื่อกลุ่มอภิมหาเศรษฐีโลกหลายคนที่ออกมาอัดฉีดเงินบริจาคสู้โควิด-19 เริ่มจากบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับครั้งล่าสุดประจำปี 2563 อย่าง เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อเมซอน บริจาค 100 ล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารอาหารทั่วสหรัฐ

ขณะที่อันดับ 2 อย่าง บิล เกตส์ บริจาคในนามมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ บริจาค 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการวิจัยยาต้านไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19

ส่วนเจ้าพ่อเฟซบุ๊ค มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก มหาเศรษฐีอันดับ 8 ของโลก บริจาค 25 ล้านดอลลาร์ในนาม The Chan-Zuckerberg Initiative หน่วยงานการกุศลที่เขาและภรรยาจัดตั้งขึ้น ให้กับมูลนิธิของบิล เกตส์ เพื่อร่วมสนับสนุนการวิจัยยาต้านไวรัสโรคชนิดนี้

อีกรายที่น่าสนใจคือ ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับ 3 ของโลกคือ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ และครอบครัว แห่งอาณาจักรสินค้าแบรนด์หรู LVMH เป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลกรายแรก ๆ ที่ออกมาประกาศแจกจ่ายหน้ากากอนามัย 40 ล้านชิ้นไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งในฝรั่งเศส และเปลี่ยนโรงงานผลิตน้ำหอมและเครื่องสำอางไปผลิตเจลล้างมือ

ในส่วนของประเทศไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารฟอร์บส ไทยแลนด์ เผยอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทยปี 2563 พบข้อมูลน่าสนใจว่ามหาเศรษฐีไทยอันดับต้น ๆ หลายตระกูล เดินหน้าบริจาคและให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งของประเทศไทยในการต่อสู่กับโควิด-19 โดยเฉพาะช่วยให้หน่วยงานและบุคลากรทางการแพทย์/สาธารณสุข สามารถจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ราคาแพงเข้ามาเสริมทัพนักรบเสื้อขาวในการรักษาและช่วยชีวิตกลุ่มเสี่ยง/ผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

จากข้อมูลพบว่า เฉพาะในตระกูลมหาเศรษฐีไทย 15 อันดับแรกนั้น เดินหน้าบริจาคกันไปแล้วยอดรวมไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท อีกทั้งบางรายที่ทำธุรกิจหลักด้านประกันชีวิต ได้มีการสนับสนุนในรูปแบบการมอบความคุ้มครองประกันชีวิต ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประทศที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยทุนประกันรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท

สำหรับรายชื่อตระกูลมหาเศรษฐีของไทย ที่ร่วมบริจาคสู้โควิด-19 ได้แก่ ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยคือ เจียรวนนท์ เจ้าของเครือซีพี ประเดิมด้วยเงินบริจาค 100 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อแจกฟรีบรรเทาปัญหาความขาดแคลนให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ด้อยโอกาส หลังจากเดินหน้าก่อสร้างไป 3 สัปดาห์คืบหน้าแล้วกว่า 80%

จุดเด่นคือ ใช้เครื่องจักรแบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิต กำลังการผลิตหน้ากากเครื่องละ 50,000 ชิ้น ต่อวัน กำหนดติดตั้งเครื่องจักรในการผลิต 2 เครื่อง และหลังผ่านพ้นวิกฤตินี้ก็มีแนวทางจะผลิตเพื่อขาย โดยนำผลกำไรที่ได้ไปสนับสนุนด้านสาธารณสุขต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนของซีพี ออลล์ ซึ่งมีเครือข่ายร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ยังบริจาคเงิน 77 ล้านบาทให้กับโรงพยาบาล 77 แห่งทั่วประเทศ

ขณะที่มหาเศรษฐีอันดับ 5 สารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของกิจการพลังงานในชื่อ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เดินหน้าบริจาคอย่างต่อเนื่องให้กับโรงพยาบาลหลายแห่งรวมแล้วกว่า 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยส่วนหนึ่งในนั้นคือ เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ (ECMO) ซึ่งมีศักยภาพในการทำงานทดแทนปอดและหัวใจ ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ปอดหรือหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือเกิดความผิดปกติขึ้น นับเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญและขาดแคลนท่ามกลางการระบาดของโควิด-19

สำหรับอันดับ 6 อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ผู้บริหารคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ที่เจอพิษเศรษฐกิจเต็ม ๆ จากโรคโควิด-19 บริจาคในนามมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา มอบเงินสนับสนุน 20 ล้านบาท ให้สถาบันบำราศนราดูร ด้วยตระหนักถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการดำเนินงานทางการแพทย์ต่อการรับมือการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ โดยใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์, การปรับปรุงห้องพักผู้ป่วย และเพื่อกองทุนสวัสดิการสำหรับเจ้าหน้าที่

ส่วนบมจ.ไทยประกันชีวิต ธุรกิจของมหาเศรษฐีอันดับ 9 ของไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ของไทยต่อสู้กับโรคโควิด-19 ด้วยการมอบความคุ้มครองประกันชีวิต ทุนประกันรวมกว่า 1.4 ล้านล้าน ให้กับแพทย์ 6 หมื่นคนและพยาบาล 2.2 แสนคนรวม 2.8 แสนคน ที่ต้องเสี่ยงภัยเข้าดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19

นี่คือ บางส่วนของกลุ่มบุคคลร่ำรวยที่เข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้ “ให้” เพื่อนำพาทุกคนฝ่าสถานการณ์ยากลำบากและรอดพ้นจากวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน