เปิดศึกใหม่! สหรัฐขู่เล่นงาน 'ไชนาเทเลคอม'

เปิดศึกใหม่! สหรัฐขู่เล่นงาน 'ไชนาเทเลคอม'

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐขู่ขวาง "ไชนาเทเลคอม" ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีน ไม่ให้เข้าตลาดในประเทศ หวั่นความเสี่ยงด้านกฎหมายและความมั่นคง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (9 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น อ้างคำแนะนำจากหน่วยงานชั้นนำของรัฐบาลวอชิงตัน เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนการค้าสหรัฐ ระบุว่า คณะกรรมาธิการการสื่อสารกลาง (เอฟซีซี) ควรเพิกถอนและระงับใบอนุญาตทุกชนิดของไชนา เทเลคอม (อเมริกา) ไม่ให้บริการการสื่อสารระหว่างประเทศเข้าและออกจากสหรัฐ 

เนื่องจากปฏิบัติการของไชนา เทเลคอม มีความเสี่ยงสำคัญที่ไม่อาจยอมรับได้ต่อความมั่นคงแห่งชาติและการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้การออกใบอนุญาตของเอฟซีซีไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์สาธารณะ ไชนา เทเลคอม เสี่ยงถูกรัฐบาลจีน ใช้ประโยชน์ ควบคุม และมีอิทธิพลเหนือบริษัท หน่วยงานที่ให้คำแนะนำประเมินจากธรรมชาติการให้บริการในสหรัฐของไชนา เทเลคอม ที่เปิดทางให้ผู้กระทำการของรัฐบาลจีนเข้ามาทำกิจกรรมในโลกไซเบอร์เพื่อจารกรรมทางเศรษฐกิจ สร้างความปั่นป่วนและบิดเบือนการสื่อสารของสหรัฐ

ทั้งนี้ ไชนา เทเลคอม (อเมริกา) เป็นบริษัทลูกของไชนา เทเลคอม ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ควบคุมโดยรัฐบาลปักกิ่ง 

ข้อเสนอแนะดังกล่าวยังต้องรอให้เอฟซีซีตัดสินใจ แต่แน่นอนว่าทำเนียบขาวที่กำลังเจรจาการค้ากับรัฐบาลปักกิ่งต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้น 5 วันหลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งองค์กรระหว่างกระทรวงขึ้นมาทำหน้าที่ทบทวนข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับบริษัทโทรคมนาคมต่างชาติในสหรัฐ กรณีของไชนา เทเลคอม ถ้าผ่านการอนุมัติเท่ากับว่าลูกค้าโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตหลายร้อยล้านคนจะใช้งานในสหรัฐและเชื่อมต่อระหว่างประเทศไม่ได้

เมื่อเดือน ก.ย. 2562 นายชัค ชูเมอร์ สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต และนายทอม คัตตัน ส.ว.พรรครีพับลิกัน ขอให้เอฟซีซีพิจารณาห้ามไชนา เทเลคอม และไชนา ยูนิคอม ให้บริการในตลาดสหรัฐจากข้อกังวลเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ

ส่วนแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดี ไม่ได้ระบุชัดว่า ไชนา เทเลคอม ทำอะไรให้น่ากังวลถึงขนาดที่หน่วยงานสหรัฐต้องแนะนำให้ขับพ้นตลาด ไม่มีสิทธิให้บริการโทรคมนาคม ข้อเสนอกล่าวเพียงว่า บริษัทรายงานต่อทางการสหรัฐไม่ถูกต้อง เรื่องสถานที่เก็บข้อมูลในสหรัฐ และวิธีจัดการความมั่นคงด้านไซเบอร์