ผลวิจัยหลอดทดลอง 'ฟ้าทะลายโจร' ฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.63 ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าขณะนี้มี 2 มหาวิทยาลัยที่ได้ดำเนินการร่วมทดลองวิจัยพัฒนา นั่นคือ คณะแพทย์ จุฬาฯ และคณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล ซึ่งในส่วนของคณะแพทย์ จุฬาฯ นั้นได้ผลิตวัคซีนทดลองในสัตว์ทดลอง 2 ครั้ง และได้ส่งผลมาให้ทางสถาบันชีววัตถุตรวจว่าสามารถฆ่าไวรัสได้หรือไม่ ส่วนคณะวิทย์ ม.มหิดล ได้ขอให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพิ่มจำนวนไวรัส เพื่อให้ทางคณะได้ดำเนินการทดลองฆ่าให้ไวรัสให้เป็นวัคซีนที่สามารถฆ่าเชื้อให้ตายได้

“ทางสถาบันชีววัตถุ ได้มีการทดลองยาฟ้าทะลายโจร เพื่อนำมาใช้ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเบื้องต้น ได้มีการทดลองในหลอดทดลอง 3 วิธี คือ

วิธีแรก เป็นการนำเอาฟ้าทะลายโจรมาใส่ไปในเซลล์เพาะเลี้ยง หรืออเซลล์เป้าหมายและอบตามอุณหภูมิห้อง 37 องศาเซลเซียล เพื่อดูว่าฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าเชื้อไวรัสในเซลล์เพาะเลี้ยงได้หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าไม่สามารถทำลายไวรัสได้ ดังนั้น ผลการทดลองเบื้องต้นของวิธีนี้ (วิธีที่ 1) จะแสดงให้เห็นว่าการทานยาฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันการเกิดไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถทำได้

ต่อมาการทดลอง วิธีที่ 2 มีการนำฟ้าทะลายโจรไปร่วมกับไวรัส และเอาไวรัสไปอยู่ในกลุ่มเซลล์เป้าหมายพบว่า สามารถฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้ และการทดลอง วิธีที่ 3 เอาเซลล์ผสมกับฟ้าทะลายโจร และไปฆ่าไวรัส พบว่าสามารถฆ่าไวรัสได้เช่นกัน โดยสารสกัดในฟ้าทะลายโจร Semi solid medium ฆ่าไวรัสได้ทันที  ดังนั้น ผลการทดลองเบื้องต้น เมื่อไวรัสเข้าเซลล์แล้ว ฟ้าทะลายโจรมีผลฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้โดยตรง และทำให้ไวรัสไม่เพิ่มจำนวนในเซลล์ หลังจากนี้คงต้องทำการทดลองต่อเนื่องต่อไป” ดร.สุภาพร กล่าว

  

อ่ายข่าวที่เกี่ยวข้อง :   เช็คสรรพคุณ 'ฟ้าทะลายโจร' สมุนไพรเลอค่า สารพัดประโยชน์

ศึกษาสารสกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูงในคนไข้โควิด-19

นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จากผลการศึกษาในหลอดทดลองได้ผลว่าฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าไวรัสโควิด-19 ได้ ทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ร่วมกับสถาบันบำราศนคราดูร กรมควบคุมโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม ดำเนินการศึกษานำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูงต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับความรุนแรง โดยจะใช้ระยะเวลา 4 เดือน(เมษายนถึงกรกฎาคม) จะทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 12 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก จะได้รับยาแคปซูลสารสกัดฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 60 มิลลิกรัม หรือ 3 เท่าของขนาดปกติ วันละ 3 ครั้ง นาน 5 วัน และกลุ่มที่ 2 ได้รับยาแคปซูลสารสกัดฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 100 มิลลิกรัม หรือ 5เท่าของขนาดปกติ วันละ 3 ครั้ง นาน 5 วัน

“ผลลัพธ์หลักการวิจัยที่ต้องดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อศึกษาว่าความรุนแรงของอาการโรคโควิด-19 ก่อนและหลัง รับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจร รวมถึงดูการเปลี่ยนแปลงของ Pro-inflammatory Cytokines ในเลือดก่อนและหลังรับประทานยา การเปลี่ยนแปลงสารชีวโมเลกุลในเลือด ความถี่และความรุนแรงไม่พึงประสงค์” นายแพทย์ปราโมทย์ กล่าว

นอกจากนั้น ได้มีการเตรียมพร้อมจัดหาฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยจะร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อยกระดับการปลูกฟ้าทะลายโจรคุณภาพในเกษตรกร โดยตั้งเป้าให้ได้วัตถุดิบแห้ง 50,000 กิโลกรัมใช้พื้นที่ 65 ไร่ สร้างรายได้ให้เกษตรกร 6 ล้านบาท ขณะที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สนับสนุนยาฟ้าทะลายโจรแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 1 ล้านแคปซูล หรือ 30,000 คน รพ.รัฐที่ผ่านมาตรการ WHO GMP 44 แห่ง มีปริมาณยา 9.2 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.9 แสนคน มีกำลังการผลิต 2.6 ล้านแคปซูล/วัน และมีปริมาณวัตถุดิบสามารถผลิตยาได้อีก 7.3 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.5 แสนคน ส่วนภาคธุรกิจ ได้จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างเกษตรกรจำนวน 5 กลุ่ม มีแผนการตลาดต่างประเทศ เป็นต้น

แนะการใช้ยาฟ้าทะลายโจร หากไม่มีอาการไม่ควรกิน

เภสัชกรหญิงอัญชลี จูฑะพุทธิ ที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่าจากผลการทดลองอยากแนะนำประชาชนในการใช้ยาฟ้าทะลายโจร ดังนี้ 1.ไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อการป้องกันโควิด-19 โดยที่ยังไม่มีอาการ 2.เมื่อมีอาการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อตามร่างกาย ป่วยศีรษะ ควรกินยาฟ้าทะลายโจรทันทีและต้องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ชิด 3.หากกินยาฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ และกินสูงสุดไม่ควรเกิน 5 วัน ส่วนการเก็บเป็นไปตามผลิตภัณฑ์ และถ้าทำเองที่บ้านสามารถเก็บไว้ได้1ปี 4.ควรมียาฟ้าทะลายโจรประจำตัว/ประจำบ้าน หรือปลูกต้นฟ้าทะลายโจรไว้ที่บ้าน และ5.หากมีข้อสงสัยประการใด สอบถามได้ที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร.02-149-5678 หรือแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ