ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ไทยพบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม 27 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม

ศบค. แถลง ไทยพบผู้ติดเชื้อ "โควิด-19" รายใหม่เพิ่ม 27 ราย รวมยอดสะสม 2,792 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สรุปยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 47 ราย รักษาหายเพิ่ม 71 ราย ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเเล้ว 1,999 ราย

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 27 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,792 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สรุปยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 47 ราย รักษาหายเพิ่ม 71 ราย ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเเล้ว 1,999 ราย (71.6%)

158736219050

158736220152

ทั้งนี้ ผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 27 ราย ใน 5 จังหวัด เข้ารับการรักษาในกรุงเทพมหานคร 16 ราย, ชุมพร 4 ราย, ยะลา 2 ราย, ชลบุรี 2 ราย, นราธิวาส 2 ราย และ กระบี่ 1 ราย

กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด 1,440 ราย ตามด้วย ภูเก็ต 192 ราย, นนทบุรี 151 ราย, สมุทรปราการ 108 ราย, ยะลา 101 ราย, ปัตตานี 90 ราย, ชลบุรี 86 ราย, สงขลา 56 ราย, เชียงใหม่ 40 ราย และปทุมธานี 34 ราย โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 67 ราย

โดยยังมี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และ อ่างทอง
และมีอีก 35 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเขื้อในช่วง 14 วันที่ผ่านมา

158736221866

ผู้ป่วยยืนยันในกทม.และนนทบุรี มีแนวโน้มลดลง แต่ก็มีแนวโน้มสูงเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ  ดังนั้น ไม่อยากให้ทุกคนชะล่าใจ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ผู้ป่วยยืนยัน แยกตามอายุ จะพบว่า ผู้ป่วยอายุ 20-29 จะมีจำนวนผู้ป่วยมากสุด รองลงมา คือ อายุ 30-39 มีเพิ่มขึ้น  ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฎิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเคร่งครัดเพื่อทำให้ช่วงอายุแต่ละช่วงลดลงให้ได้

158736223063

ติดตามสถานการณ์ทั่วโลก บทเรียนของไทย

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่าสำหรับสถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญมีผู้ติดเชื้อรวม 2,407,339 ราย อาการหนัก 54,218ราย รักษาหาย 616,679ราย เสียชีวิต165,059 ราย  หรือ 6.9% หรือ 100ราย เสียชีวิต 7 ราย โดยอันดับที่ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 764,265 ราย ตามด้วยสเปน อิตาลี  ฝรั่งเศส และเยอรมนี  ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 54

ขณะที่ในเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 501 ราย สิงคโปร์ 596  ราย อินโดนีเซีย 327ราย ฟิลิปปินส์ 172 ราย มาเลเซีย 84 ราย

ขอความร่วมมือไม่มั่นสุม ลดติดเชื้อ

โฆษก ศคบ. กล่าวต่อไปว่า มาตรการเคอร์ฟิวที่ได้ดำเนินการ พบว่า มีการฝ่าฝืนคำสั่งออกนอกเคหสถานลดลงจากเดิม โดยมีผู้ถูกดำเนินคดี 542 ราย ตักเตือน 119 ราย และยังคงเป็นเหตุผลเช่นเดิม คือ เดินทางกลับที่พัก ออกมาทำธุระ ขับขี่ยานพาหนะเล่น ขณะที่เหตุของการชุมนุม มั่วสุด ถูกดำเนินคดี 86 ราย มาจากเล่นการพนัก ดื่มสุรา และยาเสพติด นอกจากนั้น เมื่อแบ่งการกระทำผิดแยกตามพื้นที่ (20 เมษายน2563) พบว่า ภาคเหนือ ออกนอกเคหสถาน 82 ราย มั่วสุม10 ราย อันดับ1 จังหวัดเชียงใหม่ ออกนอกเคหสถาน 18 ราย มั่วสุม 10 ราย  ภาคใต้ ออกนอกเคหสถาน 94 ราย มั่วสุม 7 ราย อันดับ1 .ภูเก็ต ออกนอกเคหสถาน 38 ราย  มั่วสุม 6 ราย  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ออกนอกเคหสถาน 88  ราย มั่วสุม 10 ราย อันดับ 1 จังหวัดนครราชสีมา  ออกนอกเคหสถาน 25  ราย และภาคกลาง ออกนอกเคหสถาน 247 ราย มั่วสุม 55 ราย อันดับ1 .ปทุมธานี ออกนอกเคหสถาน 40 ราย มั่วสุม 19 ราย ส่วนกทม. ออกนอกเคหสถาน 30  ราย รวมกลุ่มมั่วสุม4ราย

จากข้อมูลมาตรการเคอร์ฟิวก็ยังเห็นได้มีว่าผู้ฝ่าฝืนคำสั่งยังคงจำนวนมากอยู่ ซึ่งอยากให้ทุกคนปฎิบัติตาม โดยเฉพาะการมั่วสุม เพราะหากมั่วสุมแล้วมีการติดเชื้อ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ อยากให้ทุกคนช่วยกัน” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่าขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการจัดส่งหน้ากาก N95/PPE SET วันที่ 19 เมษายน ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ 119,100 ชิ้น และ ชุด PPE SET 19,290 ชุด ส่วนมาตรการหน้ากากอนามัย มีสถานะจัดส่งแล้ว 37,497,550 ชิ้น จัดส่ง(18เมษายน)1,859,500 ชิ้น แบ่งเป็น หน้ากากอนามัย ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวนจัดส่งสะสม  23,205,750 ชิ้น ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย จัดส่งสะสม 14,291,300 ชิ้น

ผ่อนมาตรการได้จัดสมดุลปลอดโรค แก้เศรษฐกิจ

นายแพทย์ทวีศิลป์  กล่าวด้วยว่าจากการประชุมศบค.ในวันที่ 20 เมษายน นายกรัฐมนตรีได้มีการชื่นชมประชาชน และเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่ได้ทำงาน พร้อมสั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดดูแลบุคลากรทางการแพทย์  รวมถึงเชื่อมั่นวิจารณญาณ และสติปัญญาที่มีของหัวหน้าส่วนราชการทุกคนในการทำงาน  โดยให้กำลังใจกับทุกๆ คน

เรื่องการคงอยู่ของ...ฉุกเฉินฯ นั้น ที่ประชุมมองว่ายังคงมีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ในสถานการณ์ ขณะนี้ แต่ทางรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะมีการประชุมหารือถึงมาตรการต่างๆ ที่ต้องมีการผ่อนคลาย หรือปรับให้เหมาะสม โดยจะมีการหารือกับหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน เพื่อจะได้ดูแลทุกกลุ่มอาชีพ รวมถึงสถานที่ อาทิ สนามกีฬา ตลาดสด ต้องมีการจัดระเบียบใหม่ มีการจัดแบ่งพื้นที่ เน้นความปลอดภัย ซึ่งจังหวัดไหนที่ไม่มีรายงานการติดเชื้อก็อาจจะได้รับการผ่อนคลายมาตรการก่อนจังหวัดอื่นๆ อีกทั้งให้มีการศึกษาต่างประเทศที่มีการผ่อนคลายว่ามีขั้นตอนในการดำเนินการอย่างไร และนำมาปรับใช้  ย้ำให้มีการจัดสมดุลให้เหมาะสมระหว่างปัญหาการติดเชื้อ กับปัญหาเศรษฐกิจต้องสมดุลให้เดินไปด้วยกันอย่างปลอดภัย และได้ขอให้แต่ละกระทรวงใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าที่มีอยู่มาบูรณาการร่วมกันในการแก้ปัญหา

คาดการณ์ระบาดโควิด-19 ในไทย 1:1.12

ปลัดสธ.ได้นำเสนอการคาดการณ์การติดเชื้อ ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ 1 คนสามารถกระจายเชื้อได้ 1.12 คน หรืออัตรา 1:1.12  เพราะฉะนั้นอัตราการเกิดก็จะต่ำลง และตามหลักการระบาดวิทยาคาดการณ์ ประมาณ 1 สัปดาห์ จะมีผู้ติดเชื้อ ประมาณ 200 กว่าคน และจะค่อยๆ ลงลงไป จนกระทั่วประมาณปลายเดือนมิถุนายนเหลือเพียง 22 คน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ถ้าเพิ่มขึ้นไป  เช่น 1 คนคลุมได้ไม่ดี มีการไปชุมชน รวมตัวกัน จะทำให้เกิด 1 คน แพร่เชื้อได้ 1.8 หรืออัตรา 1:1.8  คาดว่า 20-26 เมษายน 336 คน และคาดการณ์ว่าวันที่ 22-28 มิ.. จำนวนตัวเลขจะเพิ่มไปถึง 2,419 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขมาก การวิเคราะห์ดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และจำนวนเตียง เราก็ไม่อยากเห็นภาพ 1:1.8 ดังนั้น ที่ประชุมได้มีการกำหนดมาตรการค้นหาและการแพร่เชื้อในชุมชน  ซึ่งตอนนี้ทางสธ. ได้มีการประชุมและสรุปว่าจะติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยให้เจอ และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในประชากรกลุ่มเสี่ยง รวมถึงประชากรกลุ่มผู้ใช้แรงงาน  และค้นหาในผู้ป่วยที่มีพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาลนายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

คนไทยแจ้งกลับประเทศ เกือบ 9 พันคน

สำหรับมาตรการดูแลคนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีการแจ้งคนไทยที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยหลังวันที่ 30 เมษายน 2563 มีจำนวน  8,998 คน โดยมีผู้แจ้งความประสงค์ ใน 14 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา  1,950 คน ออสเตรเลีย 786  คน นิวซีแลนด์ 600 กว่าคน อินเดีย 600  คน ญี่ปุ่น 280 คน ซาอุดิอาระเบีย  290 กว่าคน  สหรัฐอาหรับอิมิเรด 335 คน เมียนม่า 600 กว่าคน กัมพูชา 500 กว่าคน อินโดนีเซีย 500 กว่าคน เกาหลีใต้ 400 คน ฟิลิปปินส์ 331 คน ศรีลังกา 40 คน  และมัลดีฟ 160 คน ทุกคนต้องดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ย่อหย่อน ส่วนพี่น้องชาวไทยในประเทศเพื่อนบ้านต้องมีการดูแลกัน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้มีการดูแลในเรื่องนี้

ส่วนการเดินทางเข้าออกทางบก และจัดหาสถานที่กักกันที่ภาครัฐจัดให้นั้น กระทรวงมหาดไทย ได้มีการจัดพื้นที่ไว้ 796  แห่ง รองรับคนได้  20,941 คน มีคนเข้าพัก  2,399 คน เท่านั้น เหลืออยู่ประมาณ 10,000 กว่าที่ จะมีการดีไซต์ออกแบบให้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ขณะที่กระทรวงกลาโหม ได้มีการจัดสถานที่กักกันโดยรัฐกำหนดให้แก่ประชาชนคนไทยเช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น ในเรื่องความพร้อมในการรักษาพยาบาล อุปกรณ์เวชภัณฑ์  ความก้าวหน้าในการวิจัย  ซึ่งถ้ามีการระบาดเพียง 1:1.12 อยู่ในเกณฑ์ที่ดูแลได้ ไม่มีปัญหา  ซึ่งตอนนี้ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับหน้ากากN95 ได้มีการทำเทคโนโลยี ทำตู้อบแสงยูวี และใช้ซ้ำได้ถึง 4 ครั้ง นอกจากนั้น เตียงรับคนไข้หนัก 4,684 เตียงถือว่าเพียงพอ และมีผลการวิจัยดีๆ ที่เกี่ยวกับโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟ้าทะลายโจร การพัฒนาวัคซีน การนำพลาสมามารักษาผู้ป่วย  มาตรการผ่อนคลายก็มีมาตรการเข้ามาศึกษา  และความฉุกอุบัติการณ์โรคใหม่ เป็นต้น รวมถึงได้มีการจัดการแก้ไขสถานการณ์หน้ากากอนามัย ทำให้มีการขาดแคลนน้อยลง

ไทยตรวจตัวอย่างสะสมผู้ติดเชื้อ 142,589 ตัวอย่าง

โฆษก ศบค. กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับการตรวจคัดกรองโควิด-19 นั้น ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ถึง 17 เมษายน  ได้มีการจำนวนตัวอย่างที่ได้รับการตรวจโควิด-19 สะสม 142,589 ตัวอย่าง และจากการตรวจ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน มีการตรวจ 21,715 ตัวอย่าง  ส่วนการตรวจเป็นรายวัน ตั้งแต่วันที่ 4-17 เมษายน พบว่า ส่วนใหญ่จะตรวจกันวันละ 3,000 กว่าตัวอย่าง ยกเว้นช่วงวัยหยุดที่อาจจะมีเหลือเพียง 1900 ตัวอย่าง  และแนวโน้มจะมีการตรวจสะสมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ว่าจะตรวจเยอะหรือตรวจน้อย ผลก็พบตรวจน้อยก็สามารถเจอผู้ป่วยเยอะ  หรือ 100 คน เจอคนครึ่ง 200 คน เจอ 3 คน   ดังนั้น   เป็นการยืนยันว่าไม่อยากให้ทุกคน แต่จะไปหว่านตรวจทุกคน ก็ไม่อยากเสียงบประมาณ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ และความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ  การตรวจคัดกรองมีการคิดอย่างรอบด้าน และออกแบบมาให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการพิจารณามีวิธีการตรวจรูปแบบใหม่ โดยใช้น้ำลายมาตรวจ ซึ่งก็จะปลอดภัยและได้ผลในระดับหนึ่ง วิธีนี้กำลังอยู่ในการพิจารณา 

ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อลดน้อยลง ทำให้หลายกลุ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำงานปกติ  ซึ่งตอนนี้โรคยังไม่ได้หาย ถ้าทุกคนออกมาใช้ชีวิตปกติจะมีความเสี่ยงอย่างแน่นอน ดังนั้น ทุกคนต้องป้องกันตัวเอง  เนื่องจากในสภาวะอย่างนี้ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่จะเสียไป อยากให้ทุกคนคำนึงเรื่องสุขภาพก่อน หรือการที่บริษัทห้างร้านจำเป็นต้องเปิดกิจการ อยากให้ใช้มาตรการแบ่งกลุ่มให้ส่วนหนึ่งทำงานที่บ้าน และส่วนหนึ่งมาที่บริษัท เพื่อลดจำนวนคน และต้องปฎิบัติมาตรการอย่างเคร่งครัดนายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

ฝากผู้ใจบุญแจกของฟรี คำนึงคนให้สุขใจคนรับควรปลอดโรค

นายแพทย์ทวีศิลป์ ฝากถึงผู้ใจดีที่ออกมาบริจาคสิ่งของว่า ทุกคนที่ออกมาแจกสิ่งของนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากแต่อยากให้คำนึงผู้ให้ควรสุขใจ และผู้รับควรปลอดโรค ถ้ามีวัตถุประสงค์ในการแจกขอให้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาครัฐพร้อมให้การช่วยเหลือในการจัดระเบียบระบบที่ดี เพราะการช่วยคนเราเห็นด้วย แต่การช่วยคนต้องปลอดโรคด้วย ส่วนกรณีของคนที่ปล่อยข่าวปลอมว่าจะแจกเงินฟรี หรือแจกของฟรี ไม่แน่ใจว่าได้ประโยชน์อะไร แต่ขอให้คำนึงถึงคนที่จะไปรับบริจาค เนื่องจากหากมีการออไปรับของบริจาคจะทำให้เกิดการรวมกลุ่ม อาจทำให้เขาเสียกำลังใจ และอาจติดเชื้อ ที่สำคัญการสร้างข่าวปลอมเป็นเรื่องผิดกฎหมาย