ความโค(วิด)ไม่ทันหาย สงครามการค้าเข้าแทรก
เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะรื้อฟื้นสงครามการค้ากับจีนอีกรอบ อันเนื่องจากการปะทะคารมไปมาว่าด้วยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่สาเหตุของโรคโควิด-19 จนเข้าทำนอง “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”
ตลาดหุ้นเอเชียถูกนักลงทุนเทขายหนักเช้าวานนี้ (4 พ.ค.) ตามรอยตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขู่ว่าจะรื้อฟื้นสงครามการค้ากับจีนอีกรอบ
ชนวนเหตุมาจากบทบาทของจีนต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่สาเหตุของโรคโควิด-19 ได้ยินเช่นนี้แล้วเข้าทำนอง “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” เพราะแค่โรคระบาดเศรษฐกิจก็ช้ำพอแล้ว หากเกิดสงครามการค้าอีกรอบความเสียหายคงเหลือคณานัป
เรื่อง "ต้นกำเนิดไวรัส" นี้สหรัฐเคยกล่าวหาว่ามาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่น แต่สัปดาห์นี้ข้อกล่าวหาดังหนาหูขึ้น ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวในรายการ “This Week” ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
"มีหลักฐานมากพอบ่งบอกว่าไวรัสตัวนี้มาจากห้องทดลองในอู่ฮั่น บรรดาสุดยอดผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป็นฝีมือมนุษย์สร้างขึ้น ถึงจุดนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่เชื่อ"
คำพูดของปอมเปโอขัดกับรายงานจากสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ว่า ไวรัสตัวนี้ไม่ได้เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้นหรือการดัดแปลงพันธุกรรม ถือเป็นถ้อยแถลงดับฝันทฤษฎีสมคบคิดจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านจีนและผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนหนึ่งที่พยายามบอกว่า ไวรัสเกิดจากห้องทดลองอาวุธชีวภาพของรัฐบาลจีน แต่สำหรับปอมเปโอพอพิธีกรจี้ถาม เขาก็ไม่ได้คัดค้านข้อสรุปของซีไอเอ
อ่านข่าวเพิ่มเติม: WHO ยัน 'สหรัฐยังไม่แสดงหลักฐาน' ไวรัสโควิดสร้างจากแล็บจีน
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีฟ็อกซ์นิวส์ ออกอากาศสดจากอนุสรณ์สถานลินคอล์นในวอชิงตัน เชื่อว่า เพราะความผิดพลาดในจีนเป็นสาเหตุให้ไวรัสโคโรน่าแพร่ระบาดไปทั่ว
“ผมคิดว่าเขาทำสิ่งผิดพลาดใหญ่หลวงแล้วไม่ยอมรับ ตามความเห็นของผมพวกเขาทำพลาดแล้วพยายามปกปิด เหมือนกับไฟนั่นล่ะ พวกเขาพยายามดับไฟแต่ก็ดับไม่ได้” ผู้นำสหรัฐกล่าวหาจีนโดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ มาสนับสนุน
ที่ทรัมป์ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าได้คร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกไปแล้วราว 240,000 คน เฉพาะในสหรัฐกว่า 67,000 คน ทรัมป์ปรับคาดการณ์ผู้เสียชีวิตในสหรัฐเป็น 100,000 คน และปีนี้เป็นปีที่ทรัมป์จะต้องลงเลือกตั้งประธานาธิบดีอีก 1 วาระ ในวันที่ 3 พ.ย.
เขาเคยให้คำมั่นมานานแล้วว่าจะดึงการผลิตในต่างแดนกลับมายังสหรัฐ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและอดีตเจ้าหน้าที่เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทรัมป์มีดำริถอนการผลิตและซัพพลายเชนอุตสาหกรรมโลกออกจากจีนย้ายไปประเทศอื่นที่เป็นมิตรกับสหรัฐมากกว่า พร้อมเก็บภาษีก้อนใหม่เล่นงานรัฐบาลปักกิ่ง
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐเริ่มลดการพึ่งพาซัพพลายเชนในจีน แต่ตอนนี้ยิ่งเร่งเครื่องโครงการดังกล่าวให้เร็วขึ้น ส่วนจะย้ายไปผลิตที่ใดนั้นต้องดูความมั่นคงของสหรัฐเป็นหลัก
คีธ แครช ผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเริ่มลดการพึ่งพาซัพพลายเชนในจีน แต่ตอนนี้ยิ่งเร่งเครื่องโครงการดังกล่าวให้เร็วขึ้น ส่วนจะย้ายไปผลิตที่ใดนั้นต้องดูความมั่นคงของสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันจะประกาศแผนปฏิบัติการใหม่ให้ทราบในเร็วๆ นี้
สอดคล้องกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ของสหรัฐต่างพยายามผลักดันให้บริษัทเลิกผลิตหรือเลิกพึ่งพาจีน ขณะนี้กำลังพิจารณานโยบาย เช่น ยกเว้นภาษี เพิ่มการอุดหนุน มาดึงดูดใจบริษัทเหล่านั้น
จริงๆ แล้วนโยบายว่าด้วยจีนของทรัมป์มี 2 ฝ่ายอยู่เบื้องหลังระหว่างที่ปรึกษาที่สนับสนุนการค้ากับฝ่ายไม่เอาจีน ซึ่งขณะนี้ว่ากันว่า ถึงเวลาของฝ่ายหลังแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นจริงโลกที่เหลือคงต้องเตรียมตัวรับมือสงครามการค้ารอบสองไปพร้อมๆ กับการระบาดของโควิด-19