โซเชียลชื่นชม! 'ตู้ปันสุข' ปันกันยามวิกฤติ 'โควิด'
รอยยิ้มจากดวงตาที่ส่งทะลุหน้ากากอนามัย บทพิสูจน์ "น้ำใจไทย" ผ่านเรื่องราวดีๆ ของ "ตู้ปันสุข" ไอเดียจากคนธรรมดา ที่คิดอยากจะแบ่งปันสิ่งจำเป็น นำไปใส่ตู้ไว้เพื่อให้ผู้ที่เดือดร้อนได้หยิบติดไม้ติดมือกลับไป
ยามวิกฤติจากไวรัสโคโรนาต้นตอของโรค "โควิด-19" ที่ส่งผลให้ผู้คนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก หลายคนตกงาน ขาดรายได้ ก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในสังคมจากประชาชนทั่วไปที่เริ่ม "แบ่งปัน" กันมากขึ้น
อย่างเช่นล่าสุด ที่กำลังอยู่ในความสนใจของสังคมในตอนนี้ ก็คือ ไอเดียดีๆ อย่าง "ตู้ปันสุข" ที่เกิดขึ้นเพื่อแบ่งปันสิ่งที่มีให้แก่กัน โดยมีการนำตู้ปันสุข ไปตั้งตามจุดต่างๆ และเปิดให้ "ผู้ให้" และ "ผู้รับ" ได้แบ่งปัน ส่งต่อความห่วงใยกัน เพียงเปิดตู้หยิบสิ่งของเข้าไปใส่ หรือ หยิบออกมาแต่จำเป็นเพื่อนำไปประทังชีวิต
ช่างภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์ “ตู้ปันสุข” บริเวณวงเวียนกลาง ซอยวิภาวดีรังสิต 60 พบว่า ชาวบ้านทยอยมาเลือกรับของบริจาคจาก “ตู้ปันสุข” เป็นระยะๆ และพบ "รอยยิ้มจากดวงตา" ที่ส่งทะลุหน้ากากอนามัยเป็นภาพสะท้อนได้อย่างดี ถึงคำขอบคุณที่ไม่ต้องกล่าว
นายสุภกฤษ กุลชาติวิจิตร หนึ่งในเจ้าของโครงการตู้ปันสุข เล่าว่า ได้นำไอเดีย Free Pantry ของต่างประเทศ มาลองทำในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนำตู้ไปตั้งในที่ชุมชน เพื่อให้เกิดการแบ่งปัน ซึ่งน่าจะสามารถช่วยบรเทาทุกข์ได้บ้าง
เขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ ตอนที่เล่าให้คนอื่นฟังถึงไอเดียดังกล่าว ก็มักได้รับเสียงท้วงติง โดยหลายคนกังวลว่าของจะหาย จะโดนกวาดเหมาเกลี้ยงตู้ หรือแม้กระทั่งตู้อาจถูกขโมย แต่ผลปรากฏว่า ผ่านมา 2 สัปดาห์ เครือข่ายได้จัดทำ ตู้ปันสุข แล้วเป็นจำนวน 4 ตู้ในพื้นที่ กทม. และอีก 1 ตู้ ที่ จ.ระยอง โดยยังไม่พบการกระทำดังกล่าว ซึ่งอย่างน้อยยังพิสูจน์ได้ว่า คนไทย มีน้ำใจแก่กัน
จากไอเดียธรรมดาๆ ไม่ซับซ้อน จึงถือเป็นน้ำใจที่ประเมินค่าไม่ได้ สำหรับผู้ที่เดือดร้อนขาดแคลน และยังเป็นบทพิสูจน์ได้อย่างดีว่า "คนไทยมีน้ำใจแก่กัน" เพราะถึงจะไม่มีใครมานั่งเฝ้า แต่ก็ไม่มีใครกวาดของทั้งหมดนั้นไปเป็นของตัวเองคนเดียว
“ตู้ไม้ธรรมดา” จึงถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ที่สร้างรอยยิ้มแก่ผู้รับ ไม่ต่างจากใบหน้าอิ่มใจของผู้ให้ ที่นำข้าวของมาเติมเต็มตู้คนละนิดคนละหน่อยอย่างไม่ขาดสาย
ภาพ : กอบภัค พรหมเรขา (Korbphuk Phromrekha)