ผ่อนปรนระยะ 2 ร้านค้าลงทะเบียน 'ไทยชนะ' 4.7 หมื่นแห่ง ผู้ใช้บริการ 2.7 ล้านคน

ผ่อนปรนระยะ 2 ร้านค้าลงทะเบียน 'ไทยชนะ' 4.7 หมื่นแห่ง ผู้ใช้บริการ 2.7 ล้านคน

ศบค. ระบุ ผ่อนปรนระยะ 2 ร้านค้าลงทะเบียน “ไทยชนะ.com” กว่า 46,744 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. โดยกิจการที่ลงทะเบียนมากที่สุด คือ ร้านอาหาร ผู้ใช้บริการลงทะเบียนรวมกว่า 2,725,877 คน โฆษก ศบค. เชื่อสามารถผ่อนปรนระยะที่ 3 ได้หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน

วันนี้ (18 พฤษภาคม 2563) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย รวมยอดสะสม 3,031 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตรวม 56 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย รวม 2,857 ราย หรือร้อยละ 96.26 รักษาตัวในโรงพยาบาล 118 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยยืนยัน จำแนกตามพื้นที่รักษา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ นนทบุรี 1,705 ราย ภาคเหนือ 95 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 111 ราย ภาคกลาง 393 ราย และภาคใต้ 727 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ วันที่ 18 พฤษภาคม จำนวน 4 ราย ได้แก่ รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในที่ทำงาน กรุงเทพมหานคร เริ่มป่วยด้วยอาการถ่ายเหลว และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 พฤษภาคม และรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดนนทบุรี

รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 55 ปี ถึงประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันในที่ทำงานเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 1 และเข้ารับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 พฤษภาคม และรักษาต่อในโรงพยาบาลเดียวกับผู้ป่วยรายที่ 1

รายที่ 3 เป็นเพศหญิง อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา จ.ภูเก็ต อาชีพพนักงานขายสินค้า มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน และขรับการตรวจหาเชื้อในวันที่ 15 พฤษภาคม และรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้ จากการพบผู้ติดเชื้อนอกจังหวัดภูเก็ต โดยการติดตามประวัติไปและมาจากจ.ภูเก็ต ในช่วง 14 วันก่อนเริ่มป่วย พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 17 พฤษภาคม 2563 พบผู้ป่วยจำนวน 14 ราย แบ่งเป็น พบผู้ป่วยในเดือนมีนาคม 7 ราย เดือนเมษายน 5 ราย และ เดือนพฤษภาคม 2 ราย อายุเฉลี่ย 30 ปี (น้อยที่สุด 21 ปี และ มากที่สุด 59 ปี) มีประวัติเสี่ยง คือ ประกอบอาชีพ ใน จ.ภูเก็ต 9 ราย และอื่นๆ 5 ราย ซึ่ง 11 ราย มีอาการป่วย และอีก 3 ราย ไม่มีอาการ แต่พบจากการสอบสวนโรคและการติดตามผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง

158978500217

โฆษก ศบค. กล่าวว่า ผู้ป่วยที่พบเชื่อมโยงกับการเดินทางข้ามจังหวัด เป็นเรื่องธรรมดาของการเป็นโรคติดต่อ ต้องไม่โทษจังหวัด เพราะเรามีอิสระเสรีที่จะเดินทาง เพียงแต่ท่านต้องเข้าใจความเสี่ยงของตัวเอง หากมีอาการเพียงเล็กน้อย ให้รีบไปตรวจ หากเราเจอโรคได้เร็วก็จะรีบรักษาได้เร็ว

สถานการณ์ทั่วโลก 208 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ติดเชื้อรวม 4,801,875 ราย อาการหนัก 44,821 ราย รักษาหาย 1,857,576 ราย เสียชีวิต 316,671 ราย โดย 10 อันดับ ผู้ป่วยสูงที่สุด อันดับที่ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ถัดมา ได้แก่ รัสเซีย สเปน อังกฤษ บราซิล อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี  ตุรกี และอิหร่าน ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 70

  • อิตาลี ห่วงผ่อนปรนอาจแพร่ระบาดระลอก2

โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์ในประเทศอิตาลี ซึ่งนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี ออกแถลงการณ์ ระบุว่า การผ่อนปรนมาตรการปิดเมืองและกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง อาจเสี่ยงต่อการเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องยอมรับหากเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการปิดเมืองอีกครั้ง หากเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ทั้งนี้ อิตาลี เตรียมอนุญาตให้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานเสริมความงาม และพิพิธภัณฑ์ เปิดทำการในวันพรุ่งนี้ ส่วนสถานที่ออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ จะอนุญาตเป็นลำดับถัดไป

  • อินเดีย ขยายล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนพ.ค.

ขณะที่ประเทศอินเดีย ขยายเวลาล็อกดาวน์ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม จากเดิมที่เริ่มมีการล็อกดาวน์ ตั้งแต่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 90,000 ราย โดยกระทรวงมหาดไทย ยังคงสั่งปิดโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีบางจังหวัดที่มีรายงานจำนวนผู้ป่วยน้อยลง ได้มีมาตรการผ่อนปรนไปแล้ว

  • เกาหลีใต้คุมเข้ม ใส่หน้ากากอนามัย

ด้าน นายจองอึนคยอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคของเกาหลีใต้ ระบุว่า การหย่อนวินัย เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั้งนี้ กรุงโซล และเมืองอินซอน บังคับให้ใส่หน้ากากอนามัย ทุกคนที่ใช้บริการขนส่งสาธารณะ เมืองแทกู ให้ใส่หน้ากากอนามัยในทุกที่นอกบ้าน หากไม่ใส่หน้ากากอนามัย จะมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท

นอกจากนี้ หลายจังหวัดในเกาหลีใต้ ยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น ห้ามสัมผัสตัวกัน และการบังคับตรวจโรค ผู้ที่ไปสถานที่ต้องสงสัย หากฝ่าฝืนปรับสุงสุด 2 ล้านวอน (50,000 บาท) โดยในกรุงโซล ยังคงปิดสถานบันเทิงทุกแห่ง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดจากการไปเที่ยวผับย่านอิแทวอน โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อจากเคสนี้ รวม 168 ราย

สำรวจ 6 กลุ่มกิจการ

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเฝ้าระวังตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (มาตรการหลัก) ใน 6 กลุ่มกิจการ ระหว่างวันที่ 7 – 15 พ.ค. จำนวน 2,375 แห่งทั่วประเทศ พบว่า “ตลาด” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และผู้ปฏิบัติงานในตลาด ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การกำหนดจำนวนคนต่อพื้นที่ การกำหนดระยะเวลาใช้บริการ การทำความสะอาดห้องน้ำ และการเว้นระยะห่างระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

สำหรับ “ร้านอาหาร/แผงลอย” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ ผู้ซื้อและสถานประกอบการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และผู้สัมผัสอาหาร และผู้ปฏิบัติงาน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังปฏิบัติงาน

ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การกำหนดระยะเวลาที่ใช้บริการนั่งรับประทานอาหาร การกำหนดจำนวนคนต่อพื้นืที่ และการทำความสะอาดห้องน้ำ โดยเฉพาะบริเวณจุดเสี่ยง

“ซูเปอร์มาเก็ต/มินิมาร์ท” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ ผู้สัมผัสอาหาร และผู้ปฏิบัติงานล้างมือด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์ หลังออกจากส้วมหรือสัมผัสกับสิ่งสกปรก สถานประกอบการจัดให้มีที่ล้างมมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ และผู้ซื้อผู้บริโภคเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 – 2 เมตร

ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การทำความสะอาดห้องน้ำ การทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ให้บริการ พื้นที่ประกอบ จำหน่ายอาหาร โต๊ะ ที่นั่ง พื้นผิวที่ใช้ร่วมกัน และ การฆ่าเชื้อโรคบริเวณพื้นผิวที่มีการสัมผัสร่วมกันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกรอบการเปลี่ยนพนักงาน

“สวนสาธารณะ/สนามกีฬา” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ พนักงาน ผู้ใช้บริการทุกคน สวมหน้ากากอนามัย ผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การทำความสะอาดสานถที่เป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดให้บริการ และการจัดให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างทำกิจกรรมไม่น้อยกว่า 1 เมตร

ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ อุปกรณ์กีฬา เก้าอี้ ม้านั่ง ก่อนและหลังใช้บริการทุกครั้ง รวมถึงการจัดให้มีถังขยะ มีฝาปิด นำไปกำจัดอย่างถูกวิธี และ ที่ล้างมือพร้อมสบู่ และน้ำสะอาด หรือเจลแอลกอฮอล์ สหรับทำความสะอาดไว้บริการในบริเวณที่มีการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

“ร้านเสริมสวย/ร้านตัดผม” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร และนัดล่วงหน้าก่อนมารับบริการ การทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องส้วม และพนักงานล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังให้บริการ และสวมถึงมือยางขณะสระผม

ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ ผู้ให้บริการสวมหน้ากากอนามัย และแผนใส่ครอบหน้า และให้มีเสื้อคลุมที่สะอาดตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน ภาชนะรองรับขยะที่สะอาด สภาพดี และนำไปทิ้งเพื่อกำจัดอย่างถูกวิธี และ เว้นระยะห่างเก้าอี้ให้บริการ อย่างน้อย 1.5 เมตร หรือมีแผ่นพลาสติก แผนอะคริลิกกั้นระหว่างเก้าอี้ที่ให้บริการ

“ร้านตัดขนสัตว์” มาตรการหลักที่ดำเนินการได้ดี คือ การล้างมือด้วยสบู่ และแอลกอฮอล์เจล ก่อนและหลังให้บริการแต่ละครั้ง การทำความสะอาดสถานที่ภายในร้านเป็นประจำทุกวัน ก่อนและหลังให้บริการ และจำกัดจำนวนผู้มารับบริการที่อยู่ในร้าน ในเวลาเดียวกันไม่ให้หน้าแน่น หากผู้รับบริการเต็มให้นัดล่วงหน้าก่อน

ส่วนมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำ คือ การทำความสะอาด พื้นที่และอุปกรณ์เครื่อใช้อื่นๆ พนักงานผู้นำสัตว์มารับบริการและผู้มาติดต่อในร้าน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และมีที่ล้างมือพร้อมสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ไว้บริการลูกค้า และจัดอีกส่วนหนึ่งเฉพาะสำหรับพนักงาน

  • ร้านค้าลงทะเบียน ไทยชนะ 4.6 หมื่นแห่ง

โฆษกศบค. กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูล www.ไทยชนะ.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ใช้ครอบคลุมทั่วประเทศ ในการลงทะเบียนผู้ดำเนินกิจการ และเช็กอินเช็กเอาท์ผู้ใช้บริการ โดยตัวเลขวานนี้ 17 พฤษภาคม เวลา 20.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียน 44,386 แห่ง มีผู้ใช้งาน 2,002,879 คน จำนวนการเช้าใช้งาน เช็กอิน 2,658,754 ครั้ง เช็กเอาท์ 1,845,191 ครั้ง ประเมินร้าน 1,258,261 ครั้ง

จังหวัดที่มีร้านค้ามาลงทะเบียนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ กทม. 14,187 แห่ง ชลบุรี 2,819 แห่ง นนทบุรี 2,457 แห่ง สมุทรปราการ 1,934 แห่ง ปทุมธานี 1,686 แห่ง เชียงใหม่ 1,547 แห่ง นครราชสีมา 1,363 แห่ง ภูเก็ต 1,112 แห่ง สุราษฎร์ธานี 983 แห่ง และ ขอนแก่น 865 แห่ง

ทั้งนี้ ประเภทกิจการที่มาลงทะเบียนสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ภัตตาคาร ศูนย์อาหาร 11,353 แห่ง ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ 10,599 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก/ส่ง 8,170 แห่ง การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภค บริโภค 2,814 แห่ง การให้บริการ 2,412 แห่ง ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 2,314 แห่ง สินค้าเบ็ดเตล็ด ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 1,942 แห่ง คลินิกเสริมความงามร้านเสริมสวย 1,867 แห่ง ธนาคาร 1,479 แห่ง และร้านขายยา 661 แห่ง

ล่าสุด ตัวเลข ณ วันที่ 18 พฤษภาคม เวลา 6.00 น. มีจำนวนร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 46,744 แห่ง จำนวนผู้ใช้บริการ 2,725,877 คน

สำหรับไลน์ ออฟฟิศเชียล แอคเคาท์ “ไทยชนะ” ที่หลายคนมีข้อสงสัยว่าเป็นแอคเคาท์จริงหรือไม่ โฆษก ศบค. ระบุว่า แอคเคาท์ดังกล่าว เป็นของจริง ซึ่งไม่ใช่การแอดเพื่อนเพื่อให้ลงทะเบียนแต่อย่างใด แต่มีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการรับทราบข้อมูลข่าวสาร หรือหากไม่ต้องการแอดไลน์ ก็สามารถโทรไปสอบถามที่ 1119 แต่สานโทรศัพท์อาจไม่เพียงพอ เราจึงใช้ระบบไลน์ เพื่อประกอบ ส่งข่าวสาร รวมถึงหากกรณีร้านค้าต้องการปรึกษากับเจ้าหน้าที่แบบเฉพาะเจาะจง

  • เชื่อผ่อนปรนระยะ 3 ได้ หากร่วมมือกัน

สำหรับการประเมินภาพรวมของการผ่อนปรนระยะที่ 2 ที่ผ่านมา นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สิ่งที่เราเรียนรู้ในการผ่อนคลายระยะที่ 2 ผ่านไปหนึ่งวัน ต้องขอบคุณประชาชนและร้านค้า ที่ให้ความร่วมมืออย่างสูงมาก ทำให้เราได้เห็นภาพการผ่อนคลาย จับจ่าย ให้เศรษฐกิจหมุนเวียน อย่าไรก็ตามเราเพิ่งจะทำ ในไม่กี่วัน อาจจะมีความขลุกขลักไม่สะดวกบ้าง ตอนนี้เรียนรู้ร่วมกันและพัฒนาระบบและสังคมไปด้วยกัน ทักท้วง ติเตียนเพื่อพัฒนา เพื่อให้วันพรุ่งนี้ และต่อๆ ไปดีขึ้น เหมือนตัวเลขผู้ป่วยที่เราช่วยกันจากแดงเป็นเขียว

“ทั้งนี้ เมื่อกิจการทั้งหลายเข้าอยู่ในระบบ ไทยชนะ จะเป็นการปกป้องคุ้มครองชีวิตเราและครอบครัวเรา โดยข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ที่กรมควบคุมโรค เพื่อติดตามผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยเท่านั้น จะเก็บข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อช่วยให้แพทย์ทำงานได้อย่างสะดวกและเป็นระบบมากขึ้น มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และสามารถชี้จุดเป้าหมายจัดการกับปัญหาได้อย่างรวดเร็ว”

“เชื่อว่าระยะที่สอง ในวันที่สอง และจนครบสิบสี่วัน ถ้าเราทำได้อย่างดี ระยะที่สาม ที่มีกิจการร้านค้าจำนวนมากรอเปิดกิจการ แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่หากเราผ่านระยะที่สอง ที่เสี่ยงปานกลางไปได้ อิสระเสรี ก็สามารถทำได้ หากระยะที่สองทำได้ดี  ระยะที่สามก็ทำได้แน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายทุกท่านร่วมมือกัน และผ่านระยะที่ 2 ให้ได้ภายใน 14 วัน” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว