'เทพไท' เสนอยกฐานะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นรพ.ปฐมภูมิ 

'เทพไท' เสนอยกฐานะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นรพ.ปฐมภูมิ 

"เทพไท" ย้ำกระบวนการเยียวยาล่าช้า เสนอยกฐานะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิ และเพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็น 1,500 บาท

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงเนื้อหา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ใน 2 ส่วน คือ 1.แผนงานหรือโครงการช่วยเหลือเยียวยา และชดเชยผู้ได้รับผลกระทบฯ รัฐต้องเยียวยาให้กับคนไทยทุกคน แต่กลับเลือกวิธีเยียวยาเป็นกลุ่มๆ ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนไม่สำเร็จอีกหลายล้านคน แต่รัฐบาลชี้แจงว่า เพราะแก้ปัญหาคนแออัด จำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านออนไลน์ งบประมาณมีน้อยจึงต้องเลือกเยียวยาผู้เดือดร้อนจริงๆ และคนรวยจะได้รับเยียวยาเหมือนคนจน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กลับมีปัญหาและสิ้นเปลืองกว่าการเยียวยาแบบทุกครัวเรือนเสียอีก ไม่ตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพราะเป็นการเยียวยาไม่ทั่วถึง ไม่ครอบคลุม ไม่เป็นธรรม เหลี่ยมล้ำ ลักลั่น ล่าช้า ไม่ทันสถานการณ์ความเดือดร้อน ใช้เวลานานกว่า2เดือนแล้ว ถ้าใช้เยียวยาแบบครัวเรือนจะแล้วเสร็จภายใน7วัน ทำให้คนหาเช้ากินค่ำเดือดร้อน ถึงขั้นฆ่าตัวตายหลายราย ที่สำคัญรัฐประเมินการเยียวยาผิดพลาด คาดการณ์เบื้องต้นจะมีคนขอเยียวยาแค่3ล้านคน แต่ความจริงตพเลขมากกว่านี้

ทั้งนี้ จากคำชี้แจงของ ผ.อ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับว่ามีคนเข้าไม่ถึงระบบออนไลน์จำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป แสดงว่ารัฐบาลต้องเยียวยาให้ครบทุกคน ถ้าเป็นอย่างนี้จะให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านออนไลน์ให้เสียเวลาทำไม หรือเพราะกลยุทธ์ทางการตลาด อะไรที่ได้มาง่ายๆจะไม่มีคุณค่า ถ้าทำให้เป็นเรื่องยาก คนจะได้จดจำ จะได้เป็นบุญคุณต่อกัน ขอพูดเรื่องนี้แทนประชาชน แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะโครงการเดินมาไกลแล้ว สุภาษิตโบราณว่า ผีถึงป่าช้าแล้ว ไม่ฝังก็เผาเท่านั้น จึงขอพูดไว้เป็นข้อมูลให้รัฐบาลในการทำงานครั้งต่อไป และบันทึกไว้ในรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร


ส่วนที่ 2.แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน45,000ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ งานวิจัย ค่ารักษาพยาบาล เตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาล ไม่มีรายละเอียดที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนกิจการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และ อสม.ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั้งๆที่ทุกฝ่ายชมเชย ยกย่องการทำงานของ อสม.ในการต่อสู้กับโควิด-19ในชนบท จึงอยากให้รัฐบาลใช้เงินก้อนนี้ ยกระดับ รพ.สต.เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิ มีแพทย์วิชาชีพทำงานประจำ เพิ่มอุปกรณ์เตียงผู้ป่วย รถส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน ปรับ รพ.สต.ให้เป็น รพ.ประจำตำบลอย่างแท้จริง

ในส่วน อสม. รัฐบาลต้องปรับค่าตอบแทนเป็นเดือนละ1,500บาท ซึ่งจะไม่เป็นภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลมากนัก ขอให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือ อสม.เพื่อขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่ต่อไป ทหารชนะศึกสงครามมา ได้เหรียญตราและค่าตอบแทน ครั้งนี้ อสม. ชนะโควิด ขอให้รัฐบาลคิดปรับค่าตอบแทนด้วย


สำหรับเงินกู้ของรัฐบาลทั้ง3ฉบับ วงเงินกู้1.9ล้านล้านบาท เป็นเงินกู้จำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ จึงสนับสนุนแนวความคิดการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้เงินทุกโครงการ เพื่อป้องกันการรั่วไหล หาประโยชน์เงินกู้ครั้งนี้ เพราะมีฝูงเหลือบ ปลิง อีแร้ง คอยทึ้ง ลำพังนายกรัฐมนตรีคนเดียวดูแลไม่ทั่วถึง จึงต้องมีกรรมาธิการวิสามัญคอยเป็นหูเป็นตาให้ ถ้าไม่หาวิธีการป้องกัน เงินก้อนใหญ่แบบนี้ก็จะหวานคอแร้งจนแน่นอน