มรณกรรม 'จอร์จ ฟลอยด์' อยุติธรรมไม่ลบเลือน
การประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในสหรัฐ ชนวนเหตุมาจากมรณกรรมของชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันนาม “จอร์จ ฟลอยด์” ขยายไปไกลถึงนิวซีแลนด์ วานนี้ประชาชนหลายพันคนออกมาเดินขบวนเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
วานนี้ (1 มิ.ย.) ชาวนิวซีแลนด์รวมตัวกันอย่างสงบในหลายเมือง ที่โอ๊คแลนด์ประชาชนราว 2,000 คน เดินขบวนไปยังสถานกงสุลสหรัฐ พร้อมตะโกนคำขวัญ “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติสุข” “ชีวิตคนดำก็มีความหมาย” ที่เมืองไครส์ตเชิร์ช ประชาชนรวมตัวกันราว 500 คน ส่วนที่กรุงเวลลิงตัน ประชาชนราว 500 คนชุมนุมกันท่ามกลางสายฝนในตอนค่ำที่นอกอาคารรัฐสภา ร่วมไว้อาลัย โดยถือป้ายรายชื่อชาวอเมริกันหลายร้อยคนที่เชื่อกันว่าเสียชีวิต เพราะความอยุติธรรมด้านเชื้อชาติ
มาซบู คิว นักดนตรีชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายไนจีเรีย ผู้จัดเดินขบวนประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวที่กำลังระอุอยู่ในสหรัฐ กล่าวว่า การรวมตัวกันในนิวซีแลนด์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเสียชีวิตของฟลอยด์
“การรังแกคนผิวดำเป็นปรากฏการณ์ที่มีมาโดยตลอด ในนิวซีแลนด์ก็เกิดเหตุคนดำจำนวนมากถูกสังหาร เพราะถือว่าคนขาวเหนือกว่าแบบเดียวกับในสหรัฐเหมือนกัน เราภาคภูมิใจว่าเป็นชาติที่เห็นอกเห็นใจ กรุณา และรักคนอื่น แต่การที่รัฐบาลและสื่อเงียบเฉย ไม่ได้สะท้อนอะไรแบบนั้นเลย จริงๆ แล้วเท่ากับว่าเรามีส่วนร่วมรู้เห็นไปด้วย” แกนนำปราศรัยกับฝูงชน
ปีก่อน ที่เมืองไครส์ตเชิร์ช เกิดเหตุชายผู้ประกาศตัวว่านิยมแนวคิด “ความเหนือกว่าของคนขาว” กราดยิงในมัสยิดปลิดชีพประชาชน 51 คน
ขณะที่จีนฉวยเหตุความไม่สงบในสหรัฐโต้กลับวอชิงตันอย่างต่อเนื่อง ระบุว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงปัญหาสาหัส ทั้งเรื่องการเหยียดผิว และตำรวจใช้ความรุนแรง
จ้าว หลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงวานนี้ที่ปักกิ่ง “ชีวิตคนดำก็คือชีวิตเช่นเดียวกัน สิทธิมนุษยชนของพวกเขาต้องได้รับการรับรองด้วยการเหยียดผิวชาติพันธุ์กลุ่มน้อยในสหรัฐเป็นโรคเรื้อรังในสังคมอเมริกัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำอีกครั้งถึงความรุนแรงของปัญหาเหยียดผิวและการกระทำของตำรวจในสหรัฐ”
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวด้วยว่า การรับมือเหตุประท้วงในบ้านของรัฐบาลสหรัฐเป็นตำราตัวอย่างเรื่องสองมาตรฐานที่โด่งดังระดับโลก
“ทำไมสหรัฐถึงยกย่องผู้มีส่วนร่วมเรียกร้องเอกราชฮ่องกงและความรุนแรงต่อคนผิวสีว่าวีรุบุรุษและนักเคลื่อนไหว แต่เรียกคนที่ประท้วงการเหยียดผิวว่าผู้ก่อจลาจล” โฆษกกล่าวทิ้งท้าย
ที่สหรัฐการประท้วงยังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ เมืองใหญ่ตั้งแต่ลอสแองเจลิส ฟิลาเดลเฟีย ไปจนถึงแอตแลนตาประกาศเคอร์ฟิว กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าประจำการใน 12 รัฐเป็นอย่างน้อยรวมทั้งในวอชิงตันดีซี
เหตุประท้วงรอบนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 100,000 คน และการว่างงานมากที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 30 ที่เรียกว่า “เดอะ เกรท ดีเพรสชัน” เดือน เม.ย.อัตราการว่างงานอยู่ที่ 14.7% และมีแนวโน้มสูงขึ้นเหนือระดับ 20%
คนดำได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักมาก ข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโลกสหรัฐเผยว่า เกือบ 23% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้มีเพียง 13% ของประชากรสหรัฐเท่านั้น