'เน็กซัส' พลิกสู่ตัวกลางจับเรียลดีมานด์

'เน็กซัส' พลิกสู่ตัวกลางจับเรียลดีมานด์

เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ พลิกโมเดลธุรกิจเป็นตัวกลางจับกลุ่มเรียลดีมานด์แทนนักลงทุนเก็งกำไรที่หายจากตลาด ชูแคมเปญ “รวมพล” ซีรี่ย์ไลฟ์สดขายผ่านออนไลน์

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า หลังจากโควิดคลี่คลาย สินค้าและบริการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตอบรับกับพฤติกรรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยการหาโอกาสใหม่ให้ธุรกิจตัวเองที่สามารถแก้ปัญหา( pain point) ให้กับลูกค้าได้ ด้วยเหตุนี้ในฐานะเป็นธุรกิจตัวกลาง (Third Party) จึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมให้ความสำคัญกับการขายสินค้าโครงการ เปลี่ยนมาเป็นตัวกลางที่เข้ามาอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์ ที่ต้องการที่อยู่อาศัย พลิกจากเดิมที่เป็นตัวกลางให้กับกลุ่มนักลงทุน เก็งกำไรที่หายไป ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาธุรกิจอสังหาฯ ที่ต้องการหาลูกค้าในกลุ่มนี้

โดยเปรียบเสมือนการเป็น Lineman, Grab, Lalamove ที่เป็นตัวกลางในการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าถึงบ้าน เพื่ออุดช่องว่างทางการตลาดและเป็นทางเลือกให้ลูกค้าที่ไม่ต้องการเดินทางออกจากบ้าน ยิ่งเมื่อเกิดการระบาดของ โควิด-19 ยิ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการกันเพิ่มมากขึ้น

จากโมเดลธุรกิจดังกล่าวเป็นที่มาแนวคิดในการจัดแคมเปญ “รวมพล” ซีรี่ย์ เพื่อเป็นตัวกลางด้านอสังหาฯเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ ที่ต้องการมีสินค้าให้เลือกที่หลากหลาย มีการเปรียบเทียบราคาสินค้า โปรโมชั่น ทำเล เพื่อช่วยลูกค้าในการตัดสินใจ และเป็นการอำนวยความสะดวกในการได้เห็นหรือเข้าชมโครงการต่างๆ เบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ Virtual VDO ให้ลูกค้าได้เห็นห้องจริง ก่อนที่จะนัดเพื่อเดินทางไปดูด้วยตนเอง

“เราทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อเข้ามารองรับงานบริการ เพิ่มประสิทธิภาพในการดีลเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าพร้อมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องการผ่อน การยื่นกู้ หรือแม้กระทั่งการบริหารพอร์ตในมือ หากลูกค้าต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่าในอนาคต”

นางนลินรัตน์ กล่าวว่า แคมเปญรวมพล ทำมา2 ครั้งแล้ว ครั้งแรก รวมพลคอนโด หั่นราคาต่ำกว่าทุน ครั้งที่สอง “รวมพลคนลาดพร้าว” ได้รับผลการตอบรับค่อนข้างดี จากลูกค้า (คนซื้อ) ไม่จำเป็นต้องไปดูเองทุกที่ บริษัททำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการให้คำแนะนำ โครงการ ต่อรองให้ทำให้ลูกค้าได้ของดีราคาถูก คาดว่าจะมียอดขาย300ล้านบาท ส่วนงานรวมพลครั้งที่3,4และ5 จะเริ่มช่วงครั้งปีหลัง

จากประสบการณ์การจัดงานรวมพลครั้งแรก เป็นงานรวมพลของที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับดีมานด์กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนพ.ค.คนยังออกจากบ้านไม่ได้ จึงใช้วิธีการไลฟ์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ดีที่สุด ในการสื่อสารลูกค้า แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พอถึงงานรวมพลครั้งที่2 เดือนมิ.ย. ยังไลฟ์สดอยู่ แต่คนไม่ได้ตัดสินใจซื้อจากการไลฟ์อย่างเดียวมีด้วยวิธีการขายแบบอื่นๆร่วมด้วย ดังนั้นงานรวมพลครั้งที่3 การไลฟ์สด‘ไม่ใช่’สิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไป เพราะคนออกมานอกบ้านแล้วไม่จำเป็นต้องดูไลฟ์สดผ่านจอมือถือ สามารถออกมาที่โครงการเจอพนักงานแบบสบายใจมากขึ้น

“พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วมากในช่วง2-3เดือนที่ผ่านมา ทุกคนดูออนไลน์กันหมดแต่ในช่วงนี้ ทุกคนอยากจะออกจากบ้านกันหมดเพราะฉะนั้นการทำออนไลน์ อย่างไลฟ์สด อาจจะไม่ใช่ คำตอบสุดท้าย จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ที่จะต้องคิดอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ”