"Healthcare" Sector (29 มิ.ย.63)

"Healthcare" Sector (29 มิ.ย.63)

แนวโน้มดีขึ้นจากโอกาสการกลับมาเปิดบริการผู้ป่วยต่างชาติ

Event

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) อาจพิจารณาให้ผู้ป่ วยต่างชาติสามารถเดินทางมารักษาตัวในประเทศไทย

lmpact

พร้อมเปิดรับชาวต่างชาติ

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุว่า มีชาวต่างชาติประมาณ 50,000 รายที่น่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยภายใต้การผ่อนคลายรอบนี้ โดยกลุ่มแรกจะเป็นตัวแทนในภาคธุรกิจ แรงงานมีฝีมือผู้เชี่ยวชาญ และคนที่มีครอบครัวชาวไทย ครู นักเรียน และผู้ป่ วยที่ยอมรับการกักตัว ทั้งนี้ มีชาวต่างชาติประมาณ 30,000 คนที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแบบเพื่อการรักษาพยาบาล ในขณะที่แรงงานมีฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญจะมีจำนวนประมาณ 15,400 คน ครู บุคลากรด้านการศึกษา และนักเรียนประมาณ 2,000 คน ชาวต่างชาติที่มีครอบครัวชาวไทย หรือมีภูมิลำเนาในประเทศไทยประมาณ 2,000 คน นักธุรกิจ และนักลงทุนประมาณ 700 คน ทั้งนี้ ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ได้ลงทะเบียนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยและยอมรับการกักตัว 14 วัน ซึ่งทำให้สามารถเดินทางเข้ามาได้ทันที คณะอนุกรรมการศบค. ได้ร่างประกาศผ่อนคลายมาตรการเฟสที่ห้าไว้แล้ว และจะเสนอ ศบค. ชุดใหญ่พิจารณาในวันนี้

แนวโน้มกลุ่มโรงพยาบาลเป็นบวกมากขึ้น

เราคิดว่า ข่าวนี้น่าจะเป็นบวกกับกลุ่มโรงพยาบาลหลังจากที่มีการใช้มาตรการ lockdown งดรับผู้ป่วยที่บินเข้ามาใช้บริการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานใน 1H63 ของโรงพยาบาลทที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดกับแต่ละโรงพยาบาลจะแตกต่างกันไปตามสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติโดยจะอยู่ในช่วง 10-60% (BH* 65% BDMS* 29% BCH* 11% และ EKH* 10%) เราไม่ค่อยเป็นห่วงสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในบางประเทศที่อัตราการติดเชื้อรายวันต่ำ (ต่ำกว่า 100 ราย) ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงประเทศในกลุ่ม CLMV
จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลี แต่ในทางกลับกัน เราพบว่าสหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป และตะวันออกกลางยังมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (มากกว่า 100 ราย) ซึ่งจากพัฒนาการล่าสุดนี้ เราคิดว่าประเทศไทยน่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown เพิ่มอีก และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 4Q63 ไปถึงปี 2564

ยังคงมองแนวโน้ม 2H63 และปี 2564 เหมือนเดิม

สำหรับใน 2H63 เราคิดว่าโรงพยาบาลที่มีรายรับจากผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศมีแนวโน้มน่าตื่นเต้นมากขึ้นจากแนวโน้มการฟื้นตัวใน 4Q63 นอกจากนี้ เราเชื่อว่าน่าจะเห็นพัฒนาการด้านบวกจากการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ของหลาย ๆ ประเทศในปี 2564 ในขณะที่ผลกระทบ
ด้านลบจากโรคระบาดน่าจะลดลงเพราะ i) มีการใช้มาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และ ii) สามารถคิดค้นวัคซีนป้องกัน COVID-19 ได้สำเร็จ

Stocks for Actions

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Neutral โดยเลือก EKH และ BDMS เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม และให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 ที่ 6.50 บาท และ 27.00 บาท ตามลำดับ

Risks

การระบาดของ COVID-19 ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทย เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้