นายกฯ ห่วงเด็กเล็ก วอนผู้ปกครอง-ครูช่วยดูแล เน้นสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ

นายกฯ ห่วงเด็กเล็ก วอนผู้ปกครอง-ครูช่วยดูแล เน้นสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ

นายกฯ ห่วงใยเด็กเล็ก วอนผู้ปกครองและครูช่วยดูแล เน้นสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ช่วยกันทำให้ทุกโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19

วันนี้ (30 มิ.ย. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายระยะเวลาการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เกิดมาตรฐานเดียวกันในทุกพื้นที่ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งจากภายในและภายนอก
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนวันแรกในวันพรุ่งนี้ โดยมีโรงเรียนกว่าร้อยละ 80 มีความพร้อมและสามารถเปิดภาคเรียน ในกรณีที่ยังไม่สามารถเปิดภาคเรียน อาจมีการปรับการเรียนการสอน เป็นการศึกษาที่บ้านหรือการศึกษาออนไลน์ รวมถึงให้เหลื่อมเวลาการเรียนการสอน ปรับรูปแบบองค์กร และเตรียมความพร้อมบุคลากรทางการศึกษาให้มีความตื่นตัวปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนจากชายขอบเดินทางเข้ามา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  นายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยเด็กเล็ก ฝากผู้ปกครองและคุณครูช่วยดูแล เน้นสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ช่วยกันสร้างให้ทุกโรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับการอนุญาตให้บริการกิจการ อาบ อบ นวด โดยคำนึงถึงความสมดุลต่อผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ และลูกจ้างที่อยู่ในห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่กำชับห้ามการค้าประเวณี หากพบผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งการผ่อนคลายระยะที่ 5 นั้นถือว่ามีความเสี่ยงสูง แต่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขในการดูแลประชาชน อาทิ การบริการตรวจคัดกรองโรค การรักษาโรค จึงอยากให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการ โดยเฉพาะระมัดระวังการมั่วสุม ดื่มสุรา

นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ที่เน้นการฟื้นฟู เยียวยา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ การลดดอกเบี้ย การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าทั้งงบประมาณจาก พ.ร.ก. กู้เงินฯ หรือ พ.ร.บ. โอนงบประมาณและต้องมีการรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณด้วย

นายกรัฐมนตรี  เผยว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงกางการกระตุ้นการท่องเที่ยว อาทิ การท่องเที่ยวแบบร่วมจ่าย และโครงการตอบแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมสั่งการให้หน่วยงานราชการจัดประชุม สัมมนา ในต่างจังหวัด เพื่อสนับสนุนธุรกิจโรงแรมที่พักด้วย รวมทั้งเสนอให้ปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวกันในวันธรรมดาแทนวันเสาร์ – อาทิตย์ โดยไปชดเชยการทำงานในวันอื่น ๆ เพื่อลดความแออัดของคนในหลาย ๆ พื้นที่ 

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวเตือนถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กว่า 10 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 5 แสนคน ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมน้อยกว่าประเทศอื่น แต่ก็ห้ามประมาทยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง Social Distancing อย่างเข้มข้นต่อไป