‘เอิร์ธเท็ค’ จ่อ IPO ระดมทุน ขยายโรงไฟฟ้าขยะ

‘เอิร์ธเท็ค’ จ่อ IPO ระดมทุน ขยายโรงไฟฟ้าขยะ

‘เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน’ ดันบริษัทย่อย ‘เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์’ ขายไอพีโอ เข้าจดทะเบียนในเอ็มเอไอเดือน ส.ค. นี้ ผู้บริหารหวังระดมทุนขยายโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติม คาดรัฐเปิดประมูลเพิ่มกว่า 400 เมกะวัตต์ ในปีนี้

หลังจากผู้ถือหุ้น บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG มีมตินำบริษัทย่อย คือ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETC แยกออกมาเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

นายเอกรินทร์ เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ETC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะขายหุ้นไอพีโอและเข้าจดทะเบียนภายในเดือน ส.ค. นี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 1,120 ล้านบาท มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะขายหุ้นไอพีโอจำนวน 600 ล้านหุ้น และมีหุ้นกรีนชูอีก 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของจำนวนหุ้นไอพีโอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ในสภาวะตลาดหุ้นผันผวนในปัจจุบัน

การขายหุ้นไอพีโอของ ETC จะให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมของ BWG จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ ETC จำนวน 95.8 ล้านหุ้น คิดเป็นสิทธิในการจองซื้อในอัตรา 40 หุ้น BWG ต่อ 1 หุ้นสามัญ ETC ซึ่งการให้สิทธิผู้ถือหุ้นครั้งนี้เป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นของ BWG และ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้หุ้น BWG อีกด้วย

ธุรกิจหลักของ ETC ในปัจจุบัน คือ โรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งในปีนี้จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีสำหรับ 3 โรงไฟฟ้า มีกำลังการผลิตเสนอขายรวม 16.5 เมกะวัตต์ โดยอัตราค่าไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 5.83 – 6.83 บาทต่อหน่วย

สำหรับจุดเด่นของ ETC คือ การเป็นโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร โดยมีบริษัทแม่เป็นผู้จำหน่าย RDF ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า และบริษัทย่อยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า ขณะเดียวกันบริษัทมี EBITDA ต่อเมกะวัตต์ อยู่ที่ 25 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าโรงไฟฟ้าประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ ยังได้รับการส่งเสริมจาก BOI จำนวน 8 ปี ต่ออายุได้อีก 5 ปี

ด้านผลประกอบการที่ผ่านมา มีรายได้รวม 362.39 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 325.24 ล้านบาท ในปี 2561 ขณะที่ EBITDA ลดลงเล็กน้อยเหลือ 202.90 ล้านาท ในปี 2562 จาก 224.40 ล้านบาท ในปี 2561 ทั้งนี้เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม 2 แห่ง ขณะที่กำไรสุทธิ ในปี 2562 ทำได้ 57.55 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ที่ทำได้ 66.96 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 134.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน