สทท.ชี้สภาพคล่องธุรกิจท่องเที่ยวสุดอั้นครบ 6 เดือน ก.ค.นี้ หวั่นปิดกิจการถาวรกว่า 30%

สทท.ชี้สภาพคล่องธุรกิจท่องเที่ยวสุดอั้นครบ 6 เดือน ก.ค.นี้ หวั่นปิดกิจการถาวรกว่า 30%

“สทท.” ชี้สภาพคล่องธุรกิจท่องเที่ยวสุดอั้นครบ 6 เดือน ก.ค.นี้นับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 เริ่มระบาดต้นปี คาดเห็นผลกระทบหนักสุดไตรมาส 3 หวั่นปิดกิจการถาวรกว่า 30% ร้อง “บิ๊กตู่” ช่วยพิจารณาเปิดประเทศทำทราเวลบับเบิลดึงต่างชาติ

นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สทท.เคยประเมินว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีสภาพคล่องดูแลธุรกิจนานที่สุด 6 เดือนนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้เข้าสู่เดือน ก.ค. และครบกำหนดดังกล่าวแล้ว

คาดการณ์ว่าจะเห็นผลกระทบชัดและหนักที่สุดในไตรมาส 3 นี้ หลังเริ่มเห็นสัญญาณตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีแรงงานท่องเที่ยวหยุดงานทั้งแบบชั่วคราวและถาวรรวมหลักล้านคน เพราะนายจ้างจำเป็นต้องหยุดจ้างงานเนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา

ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวมีแนวโน้มปิดกิจการถาวรเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมดในไทย ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก ปัจจุบันเริ่มเห็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางรายประกาศขายกิจการ เช่น โรงแรม บริษัทนำเที่ยว ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์การซื้อขาย อาจเป็นเพราะทุนไทยและทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจว่าภาคท่องเที่ยวจะฟื้นตัวชัดเจนเมื่อไร จึงไม่มีใครกล้าตัดสินใจซื้อกิจการในช่วงนี้

“ด้านธุรกิจท่องเที่ยวที่ทยอยกลับมาเปิดให้บริการ หากมีลูกค้าหลักเป็นคนไทยอยู่แล้วก็ยังพอประคองธุรกิจต่อไปได้ แต่ธุรกิจที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ผู้ประกอบการหลายรายประเมินว่าเปิดไปก็ไม่คุ้ม จึงปิดกิจการชั่วคราวต่อไปก่อน โดยหลายรายจำเป็นต้องควักเงินส่วนตัวมาจ่ายค่าต้นทุนต่างๆ บ้างกู้ยืมเงินจากเพื่อนฝูง บ้างกู้นอกระบบมาหมุนกระแสเงินสดขององค์กรให้อยู่รอด”

วานนี้ (10 ก.ค.) สทท.จึงได้เสนอต่อที่ประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ขอให้ภาครัฐเร่งเยียวยาด้านการเงิน สนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ได้จริง โดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง รับปากว่าจะช่วยดูแลเรื่องนี้ แต่ทาง สทท.เองก็เป็นห่วงเรื่องการเมืองช่วงเปลี่ยนฐาน เพราะน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเร็วๆ นี้

2.ขอให้เร่งพิจารณาการเปิดประเทศ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงจำกัด หรือ ทราเวลบับเบิล เนื่องจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติครองรายได้กว่า 2.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของรายได้รวมท่องเที่ยวไทย สทท.คาดการณ์ว่าตลอดปีนี้จะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือเพียง 6 แสนล้านบาท เท่ากับว่ารายได้จากตลาดนี้หายไปกว่า 1.6 ล้านล้านบาท โดยทางนายกฯรับปากว่าจะดูเรื่องทราเวลบับเบิลให้

3.ขอให้ช่วยผ่อนผันค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะโรงแรม 4.ขอให้สำนักงานประกันสังคมช่วยต่อระยะเวลาการจ่ายเงินชดเชยกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19 ไปจนถึงเดือน ธ.ค.นี้ จากเดิมจ่าย 3 เดือน สิ้นสุดเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และ 5.ขอให้ลดหย่อนเงินส่งสมทบประกันสังคมในส่วนของนายจ้าง จากปัจจุบัน 4% ให้เหลือที่ 1% เท่ากับส่วนที่ลูกจ้างต้องจ่าย 1%